เนื้อเรื่องในแต่ละตอนนะคับ
ตอนที่ 1
อี้เสี่ยวชวน 易小川(หูเกอ)เป็นช่างภาพมืออาชีพ ชอบโปรยเสน่ห์ไปทั่ว เขามีพี่ชายคนหนึ่งชื่ออี้ต้าชวน易大川((เยิ่นเฉวียน)เป็นด๊อกเตอร์ทางด้านโบราณคดี เสี่ยวชวนกำลังเก็บภาพตามป่าเขาลำเนาไพร ซึ่งที่ใกล้ ๆ กัน พ่อกับพี่ชายของเขากำลังหมกมุ่นกับการตรวจสุสานโบราณแห่งใหม่ที่เพิ่งค้นพบอยู่
ระหว่างเสี่ยวชวนโดนโจรดักปล้นรถ โจรพวกนี้เป็นกลุ่มเดียวกับโจรที่จะมาโขมยเอาของโบราณตามใบสั่ง สองในหกโจรได้สร้อยโบราณมาเส้นหนึ่ง พวกมันเอาท่อนซุงขวางหน้ารถจนเสี่ยวชวนต้องพยายามลากให้พ้นการกีดขวาง ขณะที่ลากรถนั้นเองเขาต้องถูกงูพิษที่พวกมันจับมาปล่อยไว้ในรถกัดจนสิ้นสติไป
ต้าชวนกำลังตรวจสอบสุสานโบราณแห่งใหม่ แต่ไม่ทันระวัง มือโดนบาดเลือดหยดใส่ของโบราณ จึงโดนพ่อต่อว่าว่าทำงานไม่ระวัง ทำให้ของโบราณโดนเลือดหยดใส่ พ่อจึงไล่ต้าชวนให้ไปพัก เนื่องจากทำงานไม่มีสมาธิ และไม่ตั้งใจจนเกิดเหตุพลาดทำให้ดีเอ็นเอหยดใส่วัตถุโบราณ
สองโจรแย่งรถกันจนสร้อยประหลาดหล่นไปข้าง ๆ เสี่ยวชวน เขาฟื้นขึ้นมา เห็นสร้อยโบราณ ด้วยความงกจึงหยิบมันขึ้นมา เมื่อสร้อยโบราณอยู่ในมือเสี่ยวชวนแต่พบว่ามันช่วยให้เขาหายจากอาการโดนงูพิษกัดอย่างประหลาด
เสี่ยวชวนขึ้นรถขับออกไป สวนทางกับโจรอีก 4 คน พวกมันตามหาพรรคพวก แต่ที่พวกมันพบคือศพที่ลอยหล่นลงมาจากหน้าผา พวกมันคิดว่าคงเป็นฝีมือของเสี่ยวชวนที่ขับรถสวนออกไป จึงรีบตามไปทันที
เสี่ยวชวนรู้สึกว่ารถมีปัญหาจึงเอาไปซ่อมที่อู่ของแฟนสาวชื่อเกาหลาน เธอเซ็กซี่แต่กลับมีฝีมือในการซ่อมรถ ที่อู่เสี่ยวชวนได้เจอกับสาว ๆ ที่เคยคั่วอยู่ทำให้เกาหลานโกรธมาก เสี่ยวชวนขับรถหนี เกาหลานขับมอเตอร์ไซด์ตามไป
เสี่ยวชวนหนีไปที่ไซท์งานขุดสุสานโบราณ หลบรอดการติดตามของเกาหลานได้ เกาหลานโทรหาพี่ชายที่เป็นพ่อครัวในคณะสำรวจให้ช่วยคิดบัญชีกับเสี่ยวชวน เนื่องจากเธอเข้าไปในไซท์งานไม่ได้เนื่องจากโดนเจ้าหน้าที่ห้ามไม่ให้เข้าต้าชวนกำลังจะทำการเปิดโลงศพโบราณที่เดาว่าต้องเจออะไรที่น่าตื่นตะลึง พ่อของเขาไม่ให้ยุ่ง แต่เขาไม่ยอม เมื่อเปิดโลงศพออกมาพบซากหญิงโบราณที่ยังมีสภาพดีอยู่ถึงแม้จะผ่านมา 2000 ปีแล้ว
ระหว่างเสี่ยวชวนโดนโจรดักปล้นรถ โจรพวกนี้เป็นกลุ่มเดียวกับโจรที่จะมาโขมยเอาของโบราณตามใบสั่ง สองในหกโจรได้สร้อยโบราณมาเส้นหนึ่ง พวกมันเอาท่อนซุงขวางหน้ารถจนเสี่ยวชวนต้องพยายามลากให้พ้นการกีดขวาง ขณะที่ลากรถนั้นเองเขาต้องถูกงูพิษที่พวกมันจับมาปล่อยไว้ในรถกัดจนสิ้นสติไป
ต้าชวนกำลังตรวจสอบสุสานโบราณแห่งใหม่ แต่ไม่ทันระวัง มือโดนบาดเลือดหยดใส่ของโบราณ จึงโดนพ่อต่อว่าว่าทำงานไม่ระวัง ทำให้ของโบราณโดนเลือดหยดใส่ พ่อจึงไล่ต้าชวนให้ไปพัก เนื่องจากทำงานไม่มีสมาธิ และไม่ตั้งใจจนเกิดเหตุพลาดทำให้ดีเอ็นเอหยดใส่วัตถุโบราณ
สองโจรแย่งรถกันจนสร้อยประหลาดหล่นไปข้าง ๆ เสี่ยวชวน เขาฟื้นขึ้นมา เห็นสร้อยโบราณ ด้วยความงกจึงหยิบมันขึ้นมา เมื่อสร้อยโบราณอยู่ในมือเสี่ยวชวนแต่พบว่ามันช่วยให้เขาหายจากอาการโดนงูพิษกัดอย่างประหลาด
เสี่ยวชวนขึ้นรถขับออกไป สวนทางกับโจรอีก 4 คน พวกมันตามหาพรรคพวก แต่ที่พวกมันพบคือศพที่ลอยหล่นลงมาจากหน้าผา พวกมันคิดว่าคงเป็นฝีมือของเสี่ยวชวนที่ขับรถสวนออกไป จึงรีบตามไปทันที
เสี่ยวชวนรู้สึกว่ารถมีปัญหาจึงเอาไปซ่อมที่อู่ของแฟนสาวชื่อเกาหลาน เธอเซ็กซี่แต่กลับมีฝีมือในการซ่อมรถ ที่อู่เสี่ยวชวนได้เจอกับสาว ๆ ที่เคยคั่วอยู่ทำให้เกาหลานโกรธมาก เสี่ยวชวนขับรถหนี เกาหลานขับมอเตอร์ไซด์ตามไป
เสี่ยวชวนหนีไปที่ไซท์งานขุดสุสานโบราณ หลบรอดการติดตามของเกาหลานได้ เกาหลานโทรหาพี่ชายที่เป็นพ่อครัวในคณะสำรวจให้ช่วยคิดบัญชีกับเสี่ยวชวน เนื่องจากเธอเข้าไปในไซท์งานไม่ได้เนื่องจากโดนเจ้าหน้าที่ห้ามไม่ให้เข้าต้าชวนกำลังจะทำการเปิดโลงศพโบราณที่เดาว่าต้องเจออะไรที่น่าตื่นตะลึง พ่อของเขาไม่ให้ยุ่ง แต่เขาไม่ยอม เมื่อเปิดโลงศพออกมาพบซากหญิงโบราณที่ยังมีสภาพดีอยู่ถึงแม้จะผ่านมา 2000 ปีแล้ว
พวกโจรเห็นเสี่ยวชวนที่อู่ของเกาหลาน มันเห็นสร้อยโบราณเป้าหมายด้วย จึงขับรถติดตามเสี่ยวชวนไป เมื่อเห็นว่าเสี่ยวชวนเข้าไปในไซท์งานจึงสบอารมณ์พอดีเพราะใบสั่งให้มาโขมยกล่องโบราณอันล้ำค่าใบหนึ่ง
พวกมันขับรถเข้าไปโขมยซึ่ง ๆ หน้าจากมือของต้าชวน ทั้งไซท์วุ่นวายไปหมดเมื่อถังน้ำมันโดนพวกโจรขับรถชนจนหล่นไปในหลุมสำรวจจนเกิดการระเบิดขึ้น เสี่ยวชวนเห็นเข้าพอดี จึงรีบขับรถตามพวกโจรไป โดยมีพี่ชายของเกาหลานติดอยู่บนหลังคารถด้วย เนื่องจากตามเอาตะหลิวตีเสี่ยวชวนที่มารังแกน้องสาว
เสี่ยวชวนขับรถตามไป เขาสู้กับพวกโจรจนชนะ เขารู้สึกว่าสร้อยโบราณที่เขาใส่ไว้ทำให้เขาเจอกับเรื่องประหลาดมากมาย เขามีพละกำลังมหาศาลสู้กับโจรจนโจรต้องยอมทิ้งกล่องโบราณเอาไว้ ต้าชวนโทรหาเสี่ยวชวน เขากำชับให้เสี่ยวชวนดูแลวัตถุโบราณให้ดี เขากับเกาหลานกำลังตามมาติด ๆ แต่เสี่ยวชวนกลับเห็นรอยบนฝาของกล่อง เขาเอาสร้อยโบราณที่คอทาบลงไป ปาฎิหาริย์พลันบังเกิด เมื่ออยู่ ๆ เขาก็ถูกดูดเข้าไปในอีกมิติหนึ่ง
เสี่ยวชวนรู้สึกวูบไป เขาพบว่าตัวเองตกลงไปยังสถานที่แห่งหนึ่งที่ทุกคนแต่งตัวประหลาดตา คนพวกนี้พูดจาอะไรที่เขาไม่เข้าใจและดูเหมือนจะเห็นเขาเป็นสปายอะไรสักอย่างจึงกรูกันล้อมจับเขาไว้
ตอนที่ 2
คนเหล่านั้นจับเสี่ยวชวนไปประหาร เขายังงงงงคิดว่าถ่ายหนังกัน เสี่ยวชวนต้องตกใจเมื่อเพชฌฆาตตัดหัวคนข้าง ๆ จนเลือดสด ๆ กระเด็นใส่หน้าเขา คนข้าง ๆ เป็นตาแก่ท่าทางมีความรู้เสี่ยวชวนร้องบอกให้เขาเลิกอินกับบทได้แล้ว แต่ดูเหมือนตาแก่จะไม่เข้าใจ เพชฌฆาตจะยกดาบฟันคอเสี่ยวชวน แต่เสียงเพลงเรียกเข้าที่เสี่ยวชวนตั้งเตือนความจำว่าเป็นวันเกิดสาว ๆ ที่กำลังคั่วอยู่ดังขึ้นเสียก่อน วันนี้วันที่ 16/7/2008 เป็นวันเกิดของเสี่ยวจิ้ง(คาดว่าตอนถ่ายหนังปี 2008 แต่ฉาย 2010 เมื่อลงเสียงพากษ์ใหม่จึงระบุว่าเป็นปี 2010 หมดเลย) เพชฌฆาตไม่กล้าลงดาบใส่คอเสี่ยวชวนเพราะนึกว่าเป็นปีศาจ จึงหันไปเล่นงานตาแก่ก่อน และอ้างว่าตาแก่โทษหนักน่าจะประหารก่อน กลุ่มคนที่มุงดูอยู่ส่ายหัวขยับเท้าตามจังหวะเพลงเสียงเรียกเข้าของเสี่ยวชวน
ทันใดนั้นเองมีคนกลุ่มหนึ่งวิ่งขี่ม้าเข้ามาพยายามช่วยนักโทษกลุ่มนี้ เสี่ยวชวนต้องป้องกันตนเองสุดชีวิต เขาไม่รู้ว่าทำไมกองถ่ายถึงถ่ายทำเหมือนจริงขนาดนี้ เสี่ยวชวนเห็นตาแก่ข้าง ๆ กำลังจะเสียท่าจึงช่วยเอาไว้ ชายหนุ่มคนหนึ่งขี่ม้าเข้ามาเมื่อเห็นเสี่ยวชวนช่วยตาแก่ จึงให้ตาแก่หนีไปและพาเสี่ยวชวนฝ่าวงล้อมอออกไปได้ในที่สุด แต่ทหารมีมากเกินไป เสี่ยวชวนโดนลูกธนูทะลุติดกับตัวชายหนุ่มผู้นั้น ทั้งสองถูกร้อยเอาไว้ด้วยกัน
เสี่ยวชวนสลบไปเมื่อฟื้นขึ้นมาก็รู้สึกเจ็บปวดปางตาย เขาร้องหาหมอและให้พาเขาขึ้นรถฉุกเฉินไปโรงพยาบาล แต่ชายหนุ่มกับตาแก่ฟังไม่เข้าใจ ทั้งสองจะรักษาให้แต่เสี่ยวชวนโวยวายว่าคนพวกนี้ไม่มีความรู้ทางการฆ่าเชื้อโรคจะทำให้แผลอักเสบได้ และจะผ่าตัดโดยไม่มียาชาก็ไม่ได้อีก ชายหนุ่มรำคาญเลยเอาสันมือฟาดเสี่ยวชวนจนสลบไป ตาแก่มีวิชาแพทย์ติดตัวบอกว่ารักษาคนประหลาดคนนี้สุดฝีมือแล้ว จะเป็นจะตายก็ขึ้นอยู่กับวาสนา
เสี่ยวชวนตื่นขึ้นมาในตอนเช้าพบว่าตัวเองหายเจ็บเป็นปลิดทิ้ง นึกได้ว่าคงเป็นเพราะสร้อยโบราณเส้นที่แขวนคอช่วยเขาไว้อีกแล้ว เขาออกไปข้างนอกห้องพบว่าชายหนุ่มผู้นั้นกำลังฝึกกังฟู ชายหนุ่มขอบคุณที่เสี่ยวชวนช่วยตาแก่ไว้ เมื่อถามชื่อจึงทราบว่าเขาชื่อว่า "เซี่ยงหวี่"(项羽) และตาแก่ที่เป็นอาของเขาชื่อว่า "เซี่ยงเหลียง"(项梁) เสี่ยวชวนไม่ค่อยตั้งใจเรียนและตกวิชาประวัติศาสตร์จึงไม่รู้ว่าทั้งสองเป็นใคร เขายังไม่รู้ตัวว่าหลงยุคมาสู่สมัยฉิน(秦朝)เสียแล้ว
หมายเหตุประวัติศาสตร์
(232-202AD)เซี่ยงอวี่(ซีฉู่ป้าหวาง) เซี่ยงเหลียง : ในสมัยฉินมีก๊กตั้งตัวเป็นใหญ่หลายก๊ก ทั้งสองเป็นผู้นำกบฎสองอาหลานที่ได้รับความเคารพจากผู้นำกฎต่าง ๆ ส่วนก๊กรองลงมาคือก๊กของหลิวปังหรือเล่าปัง เดิมเป็นหัวหน้าปราบโจร แต่รวบรวมสมัครพรรคพวกจนเป็นใหญ่
เซี่ยงหวี่ เป็นยอดนักรบ สืบเชื้อสายจากตระกูลขุนนางรัฐฉู่ ก่อกบฎเมื่ออายุ 24 และเป็นใหญ่เมื่ออายุ 27 เซี่ยงหวี่เชื่อว่าการใช้กำลังความรุนแรงแก้ปัญหาได้ทุกอย่าง เป็นคนที่เชื่อมั่นในความสามารถทางการรบมาก หลิวปังเป้นนักการเมือง นักปรกครองชั่นยอด จากการที่มีพื้นฐานเป็นลูกชาวนาทำให้เข้าใจคนจนไม่ว่าจะจริงใจหรือไม่ก็ตาม ในแง่การทหาร หลิวปังรบแพ้เซี่ยงหวี่แต่ในแง่การปกครองหลิวปังชนะใจประชาชน สุดท้ายเซี่ยงหวี่รบแพ้ก่อนตายลาสนมที่ชื่อหวี่จีเป็นความรักที่ประทับใจคนรุ่นหลังตลอดมา ส่วนหลิวปังสถาปนาราชวงศ์ฮั่นเป็นกบัตริย์องค์แรกของราชวงศ์ที่เรียกว่า "ฮั่นเกาจู่"
อยู่ ๆ ก็มีคนตะโกนว่า "พวกมันมาอีกแล้ว" เสี่ยวชวนงุนงงเมื่อทุกคนขึ้นม้าหนี เขาได้แต่หนีตามไปด้วย ทหารกลุ่มหนึ่งล้อมพวกเขาไว้ และใช้ตาแก่เป็นตัวประกันให้ชายหนุ่มที่ชื่อเซี่ยงหวี่ยอมจำนน ทั้งสองกำลังจะถูกบังคับให้ฆ่าตัวตาย เสี่ยวชวนปรากฎตัวขึ้นห้ามและสอยเอารังแตนมาสู้กับทหาร ส่วนตัวเขาและเซี่ยงเหลียง เซี่ยงอวี่ เสี่ยวชวนได้เอาโคลนทาป้องกันผิวหนังไว้
เซี่ยงอวี่กำลังประหลาดใจกับวิธีช่วยเหลือของเสี่ยวชวน หัวหน้าทหารเอาผ้าปิดตัวและท้าสู้กับเซี่ยงหวี่ เขารับคำท้า แต่เสี่ยวชวนทุบหัวเขาจนสลบแล้วดึงผ้าคลุมตัวหัวหน้าทหารออก ทำให้แตนต่อยพวกทหารจนแตกกระเจิงไปคนละทิศละทาง
ทั้ง 3 หนีรอดมาได้ และพักอยู่ริมน้ำ แต่เซี่ยงหวี่โกรธที่เสี่ยวชวนลบหลู่ศักดิ์ศรีเขาตอนจะประลอง เสี่ยวชวนเริ่มรู้ตัวว่าหลงยุค คิดไปคิดมาก็เคยดูหนังกำลังภายในมาไม่น้อยเลยลองพูดเกี่ยวกับคุณธรรมของเพื่อน ซึ่งก็จัดการกับเซี่ยงหวี่ได้จริง ๆ เสี่ยวชวนได้กราบเซี่ยงเหลียงเป็นอาจารย์และบอกว่าจะเก่งกว่าเซี่ยงอวี่ให้ได้
คืนนั้นเสี่ยวชวนแกล้งขอไปปลดทุกข์ เมื่ออยู่คนเดียวเขาร้องตะโกนอย่างบ้าคลั่ง ตอนนี้ที่นี่เป็นที่ไหนกันแน่ เขาอยู่ในยุคฉินแล้วจริง ๆ หรือ?
เขาพยายามหาสัญญาณโทรศัพท์ และใช้เนวิเกเตอร์หาจุดที่ตนอยู่ แต่โทรศัพท์ไม่ทราบว่าเป็นอะไรใช้การไม่ได้เลย เขามองรูปกล่องโบราณที่นึกสนุกถ่ายเอาไว้พลางนึกถึงยุคปัจจุบันและคนทางบ้าน
ทันใดนั้นเองมีคนกลุ่มหนึ่งวิ่งขี่ม้าเข้ามาพยายามช่วยนักโทษกลุ่มนี้ เสี่ยวชวนต้องป้องกันตนเองสุดชีวิต เขาไม่รู้ว่าทำไมกองถ่ายถึงถ่ายทำเหมือนจริงขนาดนี้ เสี่ยวชวนเห็นตาแก่ข้าง ๆ กำลังจะเสียท่าจึงช่วยเอาไว้ ชายหนุ่มคนหนึ่งขี่ม้าเข้ามาเมื่อเห็นเสี่ยวชวนช่วยตาแก่ จึงให้ตาแก่หนีไปและพาเสี่ยวชวนฝ่าวงล้อมอออกไปได้ในที่สุด แต่ทหารมีมากเกินไป เสี่ยวชวนโดนลูกธนูทะลุติดกับตัวชายหนุ่มผู้นั้น ทั้งสองถูกร้อยเอาไว้ด้วยกัน
เสี่ยวชวนสลบไปเมื่อฟื้นขึ้นมาก็รู้สึกเจ็บปวดปางตาย เขาร้องหาหมอและให้พาเขาขึ้นรถฉุกเฉินไปโรงพยาบาล แต่ชายหนุ่มกับตาแก่ฟังไม่เข้าใจ ทั้งสองจะรักษาให้แต่เสี่ยวชวนโวยวายว่าคนพวกนี้ไม่มีความรู้ทางการฆ่าเชื้อโรคจะทำให้แผลอักเสบได้ และจะผ่าตัดโดยไม่มียาชาก็ไม่ได้อีก ชายหนุ่มรำคาญเลยเอาสันมือฟาดเสี่ยวชวนจนสลบไป ตาแก่มีวิชาแพทย์ติดตัวบอกว่ารักษาคนประหลาดคนนี้สุดฝีมือแล้ว จะเป็นจะตายก็ขึ้นอยู่กับวาสนา
เสี่ยวชวนตื่นขึ้นมาในตอนเช้าพบว่าตัวเองหายเจ็บเป็นปลิดทิ้ง นึกได้ว่าคงเป็นเพราะสร้อยโบราณเส้นที่แขวนคอช่วยเขาไว้อีกแล้ว เขาออกไปข้างนอกห้องพบว่าชายหนุ่มผู้นั้นกำลังฝึกกังฟู ชายหนุ่มขอบคุณที่เสี่ยวชวนช่วยตาแก่ไว้ เมื่อถามชื่อจึงทราบว่าเขาชื่อว่า "เซี่ยงหวี่"(项羽) และตาแก่ที่เป็นอาของเขาชื่อว่า "เซี่ยงเหลียง"(项梁) เสี่ยวชวนไม่ค่อยตั้งใจเรียนและตกวิชาประวัติศาสตร์จึงไม่รู้ว่าทั้งสองเป็นใคร เขายังไม่รู้ตัวว่าหลงยุคมาสู่สมัยฉิน(秦朝)เสียแล้ว
หมายเหตุประวัติศาสตร์
(232-202AD)เซี่ยงอวี่(ซีฉู่ป้าหวาง) เซี่ยงเหลียง : ในสมัยฉินมีก๊กตั้งตัวเป็นใหญ่หลายก๊ก ทั้งสองเป็นผู้นำกบฎสองอาหลานที่ได้รับความเคารพจากผู้นำกฎต่าง ๆ ส่วนก๊กรองลงมาคือก๊กของหลิวปังหรือเล่าปัง เดิมเป็นหัวหน้าปราบโจร แต่รวบรวมสมัครพรรคพวกจนเป็นใหญ่
เซี่ยงหวี่ เป็นยอดนักรบ สืบเชื้อสายจากตระกูลขุนนางรัฐฉู่ ก่อกบฎเมื่ออายุ 24 และเป็นใหญ่เมื่ออายุ 27 เซี่ยงหวี่เชื่อว่าการใช้กำลังความรุนแรงแก้ปัญหาได้ทุกอย่าง เป็นคนที่เชื่อมั่นในความสามารถทางการรบมาก หลิวปังเป้นนักการเมือง นักปรกครองชั่นยอด จากการที่มีพื้นฐานเป็นลูกชาวนาทำให้เข้าใจคนจนไม่ว่าจะจริงใจหรือไม่ก็ตาม ในแง่การทหาร หลิวปังรบแพ้เซี่ยงหวี่แต่ในแง่การปกครองหลิวปังชนะใจประชาชน สุดท้ายเซี่ยงหวี่รบแพ้ก่อนตายลาสนมที่ชื่อหวี่จีเป็นความรักที่ประทับใจคนรุ่นหลังตลอดมา ส่วนหลิวปังสถาปนาราชวงศ์ฮั่นเป็นกบัตริย์องค์แรกของราชวงศ์ที่เรียกว่า "ฮั่นเกาจู่"
อยู่ ๆ ก็มีคนตะโกนว่า "พวกมันมาอีกแล้ว" เสี่ยวชวนงุนงงเมื่อทุกคนขึ้นม้าหนี เขาได้แต่หนีตามไปด้วย ทหารกลุ่มหนึ่งล้อมพวกเขาไว้ และใช้ตาแก่เป็นตัวประกันให้ชายหนุ่มที่ชื่อเซี่ยงหวี่ยอมจำนน ทั้งสองกำลังจะถูกบังคับให้ฆ่าตัวตาย เสี่ยวชวนปรากฎตัวขึ้นห้ามและสอยเอารังแตนมาสู้กับทหาร ส่วนตัวเขาและเซี่ยงเหลียง เซี่ยงอวี่ เสี่ยวชวนได้เอาโคลนทาป้องกันผิวหนังไว้
เซี่ยงอวี่กำลังประหลาดใจกับวิธีช่วยเหลือของเสี่ยวชวน หัวหน้าทหารเอาผ้าปิดตัวและท้าสู้กับเซี่ยงหวี่ เขารับคำท้า แต่เสี่ยวชวนทุบหัวเขาจนสลบแล้วดึงผ้าคลุมตัวหัวหน้าทหารออก ทำให้แตนต่อยพวกทหารจนแตกกระเจิงไปคนละทิศละทาง
ทั้ง 3 หนีรอดมาได้ และพักอยู่ริมน้ำ แต่เซี่ยงหวี่โกรธที่เสี่ยวชวนลบหลู่ศักดิ์ศรีเขาตอนจะประลอง เสี่ยวชวนเริ่มรู้ตัวว่าหลงยุค คิดไปคิดมาก็เคยดูหนังกำลังภายในมาไม่น้อยเลยลองพูดเกี่ยวกับคุณธรรมของเพื่อน ซึ่งก็จัดการกับเซี่ยงหวี่ได้จริง ๆ เสี่ยวชวนได้กราบเซี่ยงเหลียงเป็นอาจารย์และบอกว่าจะเก่งกว่าเซี่ยงอวี่ให้ได้
คืนนั้นเสี่ยวชวนแกล้งขอไปปลดทุกข์ เมื่ออยู่คนเดียวเขาร้องตะโกนอย่างบ้าคลั่ง ตอนนี้ที่นี่เป็นที่ไหนกันแน่ เขาอยู่ในยุคฉินแล้วจริง ๆ หรือ?
เขาพยายามหาสัญญาณโทรศัพท์ และใช้เนวิเกเตอร์หาจุดที่ตนอยู่ แต่โทรศัพท์ไม่ทราบว่าเป็นอะไรใช้การไม่ได้เลย เขามองรูปกล่องโบราณที่นึกสนุกถ่ายเอาไว้พลางนึกถึงยุคปัจจุบันและคนทางบ้าน
ตอนที่ 3
ยุคปัจจุบัน.....
ด้านต้าชวนและเกาหลานเมื่อตามมาถึงกลับไม่พบใคร พบแต่กล่องโบราณ ทั้งสองตามหาเสี่ยวชวนและพี่ชายของเกาหลานแต่ไม่เจอ เกาหลานบอกกับต้าชวนว่าเธอติดทีวีจิ๋วในรถของเสี่ยวชวนเพื่ออัดพฤติกรรมเจ้าชู้ของเขาไว้ เธอรู้ว่าเขารักรถมาก จะไม่ทิ้งรถเอาไว้เด็ดขาด เมื่อเขาหายตัวไปแบบนี้คงต้องเกิดอะไรขึ้นแน่
เกาหลานและต้าชวนกลับไปที่บ้าน เธอพยายามเปิดคลิปในฮาร์ดดิสที่บันทึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเอาไว้ แต่เปิดไม่ออก เพราะเสี่ยวชวนรู้ทันใส่พาสเวิร์ดไว้ เกาหลานโกรธมาก พยามยามคิดหาทางเปิดคลิปดูให้ได้ แต่พยายามหลายครั้งก็ไม่สำเร็จ ต้าชวนบอกว่าจะนำเรื่องนี้ไปปรึกษาพ่อของตนดูว่ามีทางอื่นหรือไม่
พวกโจรรู้ว่าเสี่ยวชวนหายไป พยายามออกตามหาและหาโอกาสโขมยกล่องโบราณล้ำค่าจากพ่อของเสี่ยวชวนซึ่งตอนนี้เก็บกล่องไว้ด้วยความระมัดระวังกว่าเดิม เกาหลานเสียใจมากที่เสี่ยวชวนหายไป พยายามตามหาเขาทั้งทางบล็อคส่วนตัวและปิดประกาศตามหาคนหายไปทั่ว เกาหลานไม่เข้าใจว่าทั้งพี่ชายของเธอเกาเย่า(高要)และเสี่ยวชวนพากันหายไปที่ไหนกันแน่
สมัยฉิน
ใบปิดประกาศตามจับเซี่ยงหวี่แลเสี่ยวชวนก็ติดอยู่บนกำแพงเช่นเดียวกับยุคปัจจุบัน ทั้งสามพยายามหาทางออกจากเมือง ด้วยอุบายของเสี่ยวชวนทำให้ทั้ง 3 หนีออกไปจนได้ ทั้งหมดได้พากันไปพักที่บ้านของสหายของสองลุง-หลานตระกูลเซี่ยง เสี่ยวชวนได้ฝึกวิชากับเซี่ยงเหลียง และพยายามหาคลื่นในโทรศัพท์มือถือต่อไป แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มี
เสี่ยวชวนคิดถึงบ้านมาก นอนคิดหาทางกลับบ้าน เขานึกได้ว่าวันนี้เป็นวันไหว้พระจันทร์จึงทำขนมเปี๊ยะไหว้พระจันทร์ไปให้เซี่ยงหวี่กิน เซี่ยงหวี่ชอบในรสชาติของมันมาก
ยุคปัจจุบัน เกาหลานไปหาต้าชวนเพราะเหงาเมื่ออยู่คนเดียวในวันไหว้พระจันทร์(中秋节)ที่ควรจะอยู่กันพร้อมหน้าครอบครัว ต้าชวนคิดถึงเสี่ยวชวนที่นัดกันว่าวันนี้จะนัดแม่ที่หย่ากับพ่อมาเจอกัน เผื่อความสัมพันธ์จะดีขึ้นบ้าง แต่ตอนนี้เสี่ยวชวนกลับหายตัวไป พ่อบอกว่ายังหาทางไขปริศนาของกล่องโบราณไม่ได้ พอดีแม่เข้ามา ทั้งสองเริ่มมีปากเสียง พ่อต่อว่าแม่เสี่ยวชวนที่เสียคนเรียนไม่จบเพราะอยู่กับเธอ ทั้งสองยิ่งทะเลาะยิ่งหนักขึ้น แต่เกาหลานห้ามไว้ทันและบอกว่าพวกเราควรอยู่กันพร้อมหน้าดีกว่า เธอเองพี่ชายหายตัวไป ในโลกนี้ไม่มีใครอีกแล้ว ทั้งหมดจึงสงบใจลงนั่งคุยกัน แม่ของเสี่ยวชวนบอกว่าต้องหาชิ้นส่วนมาประกอบบนฝากล่องจึงจะเปิดได้ แต่พ่อไม่เชื่อ ทั้งหมดหาทางวิจัยกล่องนี้เพื่อไขปริศนาการหายตัวไปของเสี่ยวชวนและเกาเย่า
เสี่ยวชวนพยายามหาคลื่นมือถือ แต่ไม่เจอเสียที
กลับมายุคฉิน เสี่ยวชวนนึกทบทวนถึงกล่องโบราณที่ถ่ายรูปมาพบว่ามันมีอักษรประหลาด แต่ถามใครก็ไม่มีใครรู้จัก เขาพยายามศึกษาค้นคว้าจนวันหนึ่งได้ทราบว่าอักษรตัวนี้เป็นสถานที่สันนิษฐานว่าอยู่ในรัฐเยียน
ด้านต้าชวนและเกาหลานเมื่อตามมาถึงกลับไม่พบใคร พบแต่กล่องโบราณ ทั้งสองตามหาเสี่ยวชวนและพี่ชายของเกาหลานแต่ไม่เจอ เกาหลานบอกกับต้าชวนว่าเธอติดทีวีจิ๋วในรถของเสี่ยวชวนเพื่ออัดพฤติกรรมเจ้าชู้ของเขาไว้ เธอรู้ว่าเขารักรถมาก จะไม่ทิ้งรถเอาไว้เด็ดขาด เมื่อเขาหายตัวไปแบบนี้คงต้องเกิดอะไรขึ้นแน่
เกาหลานและต้าชวนกลับไปที่บ้าน เธอพยายามเปิดคลิปในฮาร์ดดิสที่บันทึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเอาไว้ แต่เปิดไม่ออก เพราะเสี่ยวชวนรู้ทันใส่พาสเวิร์ดไว้ เกาหลานโกรธมาก พยามยามคิดหาทางเปิดคลิปดูให้ได้ แต่พยายามหลายครั้งก็ไม่สำเร็จ ต้าชวนบอกว่าจะนำเรื่องนี้ไปปรึกษาพ่อของตนดูว่ามีทางอื่นหรือไม่
พวกโจรรู้ว่าเสี่ยวชวนหายไป พยายามออกตามหาและหาโอกาสโขมยกล่องโบราณล้ำค่าจากพ่อของเสี่ยวชวนซึ่งตอนนี้เก็บกล่องไว้ด้วยความระมัดระวังกว่าเดิม เกาหลานเสียใจมากที่เสี่ยวชวนหายไป พยายามตามหาเขาทั้งทางบล็อคส่วนตัวและปิดประกาศตามหาคนหายไปทั่ว เกาหลานไม่เข้าใจว่าทั้งพี่ชายของเธอเกาเย่า(高要)และเสี่ยวชวนพากันหายไปที่ไหนกันแน่
สมัยฉิน
ใบปิดประกาศตามจับเซี่ยงหวี่แลเสี่ยวชวนก็ติดอยู่บนกำแพงเช่นเดียวกับยุคปัจจุบัน ทั้งสามพยายามหาทางออกจากเมือง ด้วยอุบายของเสี่ยวชวนทำให้ทั้ง 3 หนีออกไปจนได้ ทั้งหมดได้พากันไปพักที่บ้านของสหายของสองลุง-หลานตระกูลเซี่ยง เสี่ยวชวนได้ฝึกวิชากับเซี่ยงเหลียง และพยายามหาคลื่นในโทรศัพท์มือถือต่อไป แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มี
เสี่ยวชวนคิดถึงบ้านมาก นอนคิดหาทางกลับบ้าน เขานึกได้ว่าวันนี้เป็นวันไหว้พระจันทร์จึงทำขนมเปี๊ยะไหว้พระจันทร์ไปให้เซี่ยงหวี่กิน เซี่ยงหวี่ชอบในรสชาติของมันมาก
ยุคปัจจุบัน เกาหลานไปหาต้าชวนเพราะเหงาเมื่ออยู่คนเดียวในวันไหว้พระจันทร์(中秋节)ที่ควรจะอยู่กันพร้อมหน้าครอบครัว ต้าชวนคิดถึงเสี่ยวชวนที่นัดกันว่าวันนี้จะนัดแม่ที่หย่ากับพ่อมาเจอกัน เผื่อความสัมพันธ์จะดีขึ้นบ้าง แต่ตอนนี้เสี่ยวชวนกลับหายตัวไป พ่อบอกว่ายังหาทางไขปริศนาของกล่องโบราณไม่ได้ พอดีแม่เข้ามา ทั้งสองเริ่มมีปากเสียง พ่อต่อว่าแม่เสี่ยวชวนที่เสียคนเรียนไม่จบเพราะอยู่กับเธอ ทั้งสองยิ่งทะเลาะยิ่งหนักขึ้น แต่เกาหลานห้ามไว้ทันและบอกว่าพวกเราควรอยู่กันพร้อมหน้าดีกว่า เธอเองพี่ชายหายตัวไป ในโลกนี้ไม่มีใครอีกแล้ว ทั้งหมดจึงสงบใจลงนั่งคุยกัน แม่ของเสี่ยวชวนบอกว่าต้องหาชิ้นส่วนมาประกอบบนฝากล่องจึงจะเปิดได้ แต่พ่อไม่เชื่อ ทั้งหมดหาทางวิจัยกล่องนี้เพื่อไขปริศนาการหายตัวไปของเสี่ยวชวนและเกาเย่า
เสี่ยวชวนพยายามหาคลื่นมือถือ แต่ไม่เจอเสียที
กลับมายุคฉิน เสี่ยวชวนนึกทบทวนถึงกล่องโบราณที่ถ่ายรูปมาพบว่ามันมีอักษรประหลาด แต่ถามใครก็ไม่มีใครรู้จัก เขาพยายามศึกษาค้นคว้าจนวันหนึ่งได้ทราบว่าอักษรตัวนี้เป็นสถานที่สันนิษฐานว่าอยู่ในรัฐเยียน
ตอนที่ 4
เซี่ยงอวี่กับเซี่ยงเหลียงไม่อยากให้เสี่ยวชวนจากไปเพราะเห็นว่าเป็นคนมีปัญญาและอาจช่วยเหลืองานในภายภาคหน้าได้ เซี่ยงเหลียงออกอุบายให้ลูกศิษย์ฝ่า 3 ด่าน ถ้าสำเร็จจึงไปได้ แต่แอบบอกกับเซี่ยงอวี่ว่าหากไม่ได้ตัวเสี่ยวชวนไว้ใช้งานก็ต้องฆ่าทิ้งเสียมิให้เป็นภัยในภายหลัง เซี่ยงอวี่เห็นแก่มิตรภาพจึงแกล้งแพ้และปล่อยให้เสี่ยวชวนไปหาสถานที่ที่เสี่ยวชวนบอกว่าจะทำให้เขากลับบ้านได้ เขาคิดถึงบ้านและครอบครัวมาก
เสี่ยวชวนรู้ว่าเซี่ยงหวี่ยอมอ่อนข้อให้เขาจึงซึ้งใจมาก เขามาอำลาเซี่ยงหวี่ทั้งสองถูกคอกันและกันจึงสาบานเป็นพี่น้อง
เสี่ยวชวนเดินทางไปประสบเหตุ ครอบครัวของหลู่กงถูกปล้นลูกสาวถูกรังแกจนแทบเสียตัวให้แก่พวกโจร โชคดีที่เขาเข้าช่วยไว้ได้ เสี่ยวชวนถามหาว่ารัฐเยียนอยู่ที่ไหน บิดาของสองสาวบอกว่าพวกเขากำลังจะไปทางเดียวกันพอดี ขอให้เสี่ยวชวนช่วยคุ้มกันและร่วมทางกันจะได้ช่วยเหลือกันได้ เสี่ยวชวนตกลง
ระหว่างทางสาวผู้พี่ที่ชื่อหลู่จื้อ(吕稚)ถูกใจเสี่ยวชวน นางสวมชุดดิ้นทองที่เย็บเองและตั้งใจจะสวมให้ชายคนรักดู เสี่ยวชวนไม่ได้คิดอะไร เขาชอบแกล้งสองสาวเสมอ ๆ โดยฉพาะสาวผู้น้องหลู่ซู่ซู่ที่ขี้อาย เมื่อไปถึงจุดหมายของหลู่กง เสี่ยวชวนรู้โดยบังเอิญว่าที่ครอบครัวนี้ไม่ยอมรับแขกเพราะเงินทองโดนโจรปล้นจนแทบไม่มีจะกินอยู่แล้ว
เสี่ยวชวนสืบเสาะหาจุดหมายของตนตามที่อ่านจากกล่องโบราณ เขาไปถึงเมืองเพ่ยเสี้ยน(沛县)ที่มีชื่อว่าเนื้อหมาอร่อย เขาจึงหาร้านลองทานดู ระหว่างนั้นเองเขาเจอกับคนประหลาดที่อ้างว่ารู้จักเขา และหลอกกินเนื้อหมาที่เขาสั่งมาจนหมด คนประหลาดหนีไป และโดนเด็ก ๆ ล้อว่าชอบหลอกกินประจำ ด้วยเหตุนี้เสี่ยวชวนจึงรู้ว่าเจอสิบแปดมงกุฎที่ชื่อหลิวซันเหยีย(刘三爷)เข้าให้แล้ว
เสี่ยวชวนพยายามหาคลื่นโทรศัพท์มือถือ เขานึกว่าอีกไม่นานจะได้กลับบ้านจึงถ่ายคลิปตัวเองบอกเล่าว่าได้หลงเข้ามาในยุคฉิน ใช้แบตเตอรี่มากเกินทำให้แบตหมด เสี่ยวชวนไม่มีที่ชาร์จและไม่มีปลั๊กให้ชาร์จจึงหาทางทำกระแสไฟเอง เขาหาวัตถุดิบต่าง ๆ แต่ยังขาดลวดทองแดง เขาสอบถามจากหลู่จื้อ นางบอกว่าฟังที่เสี่ยวชวนพูดไม่รู้เรื่อง แต่ถ้าเส้นไหมทอง นางมีอยู่จะนำมาให้ เสี่ยวชวนบอกว่าดีกว่าลวดเสียอีก เมื่อได้มา เขากระโดดหอมหน้าผากนาง สาวงามตกใจมากระคนดีใจ และตื่นเต้น นางรู้สึกว่าเสี่ยวชวนไม่เหมือนใคร
คืนนั้นเสี่ยวชวนนั่งทำวงจรไฟฟ้าจนสำเร็จ เขารีบไปแจ้งข่าวให้หลู่จื้อทราบ และแอบได้ยินนางคุยกับน้องสาวว่านางเอาเส้นไหมทองมาจากชุดที่นางอุตส่าห์ทำเป็นปีสำหรับใส่ให้คนรักดูชุดนั้น เสี่ยวชวนเห็นว่าครอบครัวหลู่กงกำลังลำบากจึงเสนอให้หลู่กงเปิดโรงเรียน โดยเขาจะหาทางให้คนบริจาคสถานที่เอง หลู่กงและลูกสาวทั้งสองดีใจมาก
หลู่จื้อผู้มากปัญญากลับมาหลงรักหนุ่มต่างยุคอย่างเสี่ยวชวน
หลู่จื้อมีท่าทางแปลก ๆ จนซู่ซู่สงสัย เมื่อสอบถามจึงทราบว่าบิดาและพี่สาวกำลังจะหาชายที่พึ่งพาได้ให้ตน ซู่ซู่เปิดเผยว่ามีชายในดวงใจแล้ว หลู่จื้อสอบถามจึงทราบว่าชายในดวงใจของซู่ซู่ก็คืออี้กงจื่อ(易公子)คุณชายอี้)นั่นเอง
เสี่ยวชวนทราบว่าหลิวปังจะเป็นใหญ่เป็นโตในอนาคตจึงสาบานเป็นพี่น้องกับเขา โดยไม่ลืมที่จะถ่ายคลิปเก็บเอาไว้(แบตเต็มแล้วเพราะทำวงจรกำเนิดไฟฟ้าเอง) เสี่ยวชวนบอกว่ามีสุขร่วมเสพมีทุกข์ร่วมต้าน หลิวปังจึงขอให้เสี่ยวชวนช่วยพูดกับหลู่กงเพื่อสู่ขอหลู่จื้อที่เขาหมายตา เสี่ยวชวนทราบความในใจของหลิวปัง แล้วจึงพยายามหาคำพูดมาเกลี้ยกล่อมหลู่กงและหลู่จื้อ ขณะฝึกซ้อมอยู่ในห้องจนได้คำพูดที่คิดว่าดีที่สุดแล้ว เขารีบเปิดประตูออกมาจึงชนกับหลู่จื้อที่รู้สึกร้อนใจจึงรีบมาหาเสี่ยวชวนเพื่อเปิดเผยความรู้สึกกับเขา ทั้งสองชนกันที่หน้าประตูพอดี เสี่ยวชวนโอบเอวนางไว้ไม่ให้ล้ม หลู่จื้อใจเต้นตูมตาม รีบหลบสายตาของเสี่ยวชวน
เมื่อตั้งสติได้ หลู่จื้อบอกว่านางมีเรื่องจะบอก เสี่ยวชวนเองก็อยากจะบอกนางว่าหลิวปังสนใจนาง ถ้าแต่งงานกับเขาแล้วจะสบาย หลู่จื้อรีบบอกว่านางรักเขา เขาทั้งจูบหน้าผากนาง และกอดนาง แสดงว่ามีใจ เสี่ยวชวนบอกว่าที่จูบหน้าผากเพราะดีใจที่ได้ไหมทอง ที่กอดเพราะกลัวนางจะล้ม เขาไม่ได้คิดอะไร หลู่จื้อไม่ฟัง เรียกเขาว่า “อี้หลาง”(易郎หลางใช้เรียกชายคนรัก) เสี่ยวชวนบอกนางว่าหลิวปังต่างหากที่นางควรแต่งงานด้วย หลู่จื้อไม่ฟัง ที่สุดเสี่ยวชวนต้องโกหกว่าเขามีสาวในใจแล้ว หลู่จื้อเดาว่าเป็นซู่ซู่ เสี่ยวชวนทวนคำว่า ซู่ซู่ พอดีซู่ซู่ที่อยู่ด้านนอกเข้าใจว่าคนที่เสี่ยวชวนรักก็คือตน จึงพึมพำว่านางไม่มีวันทรยศรักเขาแน่นอน ซู่ซู่เสียใจระคนโกรธวิ่งหนีไป ที่ปากประตูนางเห็นซู่ซู่ หลู่จื้อยิ่งอับอายวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว
เสี่ยวชวนได้บอกให้หลู่กงรับหลิวปังเป็นลูกเขย โดยเปิดโอกาสให้หลิวปังเข้ามาพูดจาสู่ขอ หลู่กงได้ฟังอุดมการณ์ของหลิวปังก็โดนใจ เสี่ยวชวนสนับสนุนหลิวปังเต็มที่ หลู่จื้อแอบได้ยินนึกเคืองอยู่ในใจ เมื่อเสี่ยวชวนออกไปแล้วจึงสอบถามบิดา นางทราบว่าหลิวปังมาสู่ขอนางแต่บิดานางยังไม่ยอมยกให้ หลู่จื้อบอกว่าไม่ยอมแต่งกับหลิวปังเพราะรักเสี่ยวชวน แต่หลู่กงบอกว่าในสภาพบ้านเมืองเช่นนี้ผู้ชายที่นางควรแต่งงานด้วยสมควรเป็นหลิวปังมากกว่า เพราะเป็นคนมีอุดมการณ์และสามารถเข้ามาในงานเลี้ยงได้ทั้ง ๆ ที่ไม่มีคุณสมบัติ อีกทั้งเสี่ยวชวนก็ช่วยเหลือเขาเต็มที่คนแบบนี้เรียกได้ว่ามีสติปัญญาและรู้จักใช้คน ส่วนเสี่ยวชวนมีแต่ปัญญาแต่ไม่มีกลเม็ดเด็ดพรายเหมือนหลิวปัง หลู่จื้อได้แต่ฟังไว้ แต่ในใจนางคิดถึงแต่เสี่ยวชวน
หลิวปังพยายามเข้ามาใกล้ชิดหลู่จื้อ แต่นางกลับสนใจมองหาแต่เสี่ยวชวน นางเห็นเสี่ยวชวนกับซู่ซู่ช่วยกันแขวนโคมไฟ นางรู้สึกหึงหวง แต่ไม่รู้จะทำอย่างไรเพราะเสี่ยวชวนไม่ยอมอยู่ใกล้ชิดนางอีกเลย เสี่ยวชวนรู้สึกตัวว่าท่าทางซู่ซู่จะชอบเขา เขาจึงคิดหาทางหนีไปจะดีกว่า หลิวปังเห็นหลู่จื้อสนใจแต่เสี่ยวชวนจึงหาทางกำจัดเสี้ยนหนามหัวใจ
หลิวปังหลอกพาเสี่ยวชวนไปเสียนหยาง(咸阳) พอดีสบใจเสี่ยวชวนที่อยากหนีไปพอดี เขาจะไปลาหลู่จื้อและซู่ซู่ตามมารยาท แต่หลู่กงไม่ยอมเพราะเริ่มรู้ว่าลูกสาวทั้งสองรักชายคนเดียวกันจึงออกปากขับไล่เสี่ยวชวนทางอ้อม เสี่ยวชวนจึงเก็บสัมภาระออกเดินทางตามหลิวปังและพรรคพวกไปเสียนหยางโดยไม่ได้เอ่ยคำอำลา
สองวันแล้วที่สองสาวงามไม่พบเห็นเสี่ยวชวน นางร้อนใจมาก จึงสอบถามหลู่กง ซู่ซู่รู้ความจริงว่าเสี่ยวชวนเดินทางไปเสียนหยางแล้ว เสี่ยวชวนเดินทางไปพร้อมหลิวปังซึ่งพยายามหาทางกำจัดเสี่ยวชวน แม้หลิวปังจะดีต่อพรรคพวกของตน แต่เมื่อเสี่ยวชวนเห็นโจรดักปล้นรถม้า เขาจึงโดดเข้าไปช่วยโดยที่หลิวปังงอมืองอเท้าไม่ยอมช่วยเหลือสักนิด ในใจหวังว่าเสี่ยวชวนจะถูกโจรฆ่าตาย จะได้กำจัดเสี้ยนหนามหัวใจไปได้โดยเร็ว
เสี่ยวชวนฝีมือดีปราบโจรได้สำเร็จ หันมาขอเสียงปรบมือ เขารู้สึกว่ามีใครบางคนกอดเขาจากด้านหลัง เมื่อหันไปดูจึงทราบว่าเป็นซู่ซู่ผู้หลงรักเขาและออกมาตามหานั่นเอง เสี่ยวชวนบอกซู่ซู่ว่าเขาไม่เคยรักนางเลย นางบอกว่านางได้ยินเขาบอกกับพี่สาวว่าเขารักนาง เสี่ยวชวนบอกว่าเขาหลอกกินหลอกนอนบ้านนางต่างหาก ซู่ซู่ได้ยินแล้วนอนร้องไห้ทั้งคืน เสี่ยวชวนนอนไม่หลับจึงแอบไปดูนางพบว่านางแขวนคอตาย เสี่ยวชวนช่วยนางจนฟื้นขึ้นมา
ทั้งคณะตื่นเต้นมากที่ตามมาถูกทางแล้ว ต้าชวนขอยืมกล้องเกาหลานมาเก็บภาพโบราณวัตถุ ทั้งหมดสำรวจและบันทึกขนาดของก้อนหินไว้ พวกเขาเจอชาวบ้านและสอบถามเบาะแสของกล่องโบราณ ชาวบ้านรุ่นใหม่ไม่ทราบเรื่องจึงให้ไปถามคนแก่อายุร้อยกว่าปีที่หมู่บ้านฟู๋หู่(สยบพยัคฆ์) ทั้งคณะเดินทางไป โดยมีพวกลอร่าเฝ้าสะกดรอยตาม
พวกโจรกับลอร่าชิงไปที่หมู่บ้านก่อนเพื่อข่มขู่เอากุญแจกับคนแก่ที่ศาลเจ้าประจำหมู่บ้าน ซึ่งณ.ที่นี้มีรูปปั้นเทพสยบพยัคฆ์อยู่แต่หัวขาดหายไป ไม่ว่าพวกโจรจะขู่อย่างไรแต่คนแก่ก็นิ่งไม่สนใจ พวกต้าชวนกับชาวบ้านที่นำทางมาถึง พวกโจรปรากฏตัวแต่สวมหน้ากากออกมา ต้าชวนแม้จะไม่เก่งเรื่องการต่อยตี แต่ก็ออกมาช่วยคุ้มครองทุกคน เกาหลานฝีมือดีรับมือคนได้ตั้ง 3 คน เธอรู้สึกซาบซึ้งที่ต้าชวนคอยปกป้องแม้เขาจะสู้ไม่ได้ก็ตาม พวกโจรแย่งแผนที่จนแผนที่หล่นไปโดนเทียนและไหม้ไปจุดหนึ่ง ทั้งหมดต่อสู้กันอย่างดุเดือน ชาวบ้านหนุ่มรีบพาคนในหมู่บ้านมาสู้กับโจร โจรเห็นคนเยอะเลยต้องขับรถหนีไป โจรขับรถชนหมู่บ้านและชาวบ้านจนผู้คนต่างโกรธแค้นเป็นอย่างมาก
พวกต้าชวนคุยกับคนแก่ คนแก่ก็ยอมรับว่าเป็นทายาทธาตุไม้ และมีคำกลอนประจำตระกูลที่ท่องต่อกันมา แต่ต่างกับของคุณนายอี้ที่เขามีเพียงสองท่อนเท่านั้น ส่วนคุณนายอี้มีสี่ท่อน เมื่อท่องออกมาทั้งหมดก็ช่วยกันหาแหวนที่ซ่อนอยู่ในศาลาแห่งนี้ และก็หาเจอในที่สุด
คืนนั้นทุกคนพักที่ศาลประจำหมู่บ้าน ต้าชวนปูผ้าเตรียมนอน คุณนายอี้จะมาช่วยแต่เขาบอกว่าเขาทำจนชินแล้ว สองแม่ลูกมองหน้ากัน ต้าชวนถามว่าทำไมแม่จึงเลือกเลี้ยงเสี่ยวชวนแต่ทิ้งเขาไว้กับพ่อ แม่บอกว่าเพราะเสี่ยวชวนดื้อกว่า แม่ต้องเข้มงวดถึงจะให้เสี่ยวชวนได้ดี แต่ต้าชวนเป็นเด็กดีอยู่แล้ว ดูสิตอนนี้ก็เรียนเป็นด๊อกเตอร์แล้ว ต้าชวนบอกว่าเขาก็ต้องการความรักจากแม่เหมือนกัน เกาหลานมาได้ยินพอดี ต้าชวนบอกว่าพ่อแม่แยกทางกันนานแล้ว เขากับเสี่ยวชวนตั้งใจว่าจะสมานรอยร้าวของทั้งสองในวันไหว้พระจันทร์ แต่เสี่ยวชวนมาหายตัวไปเสียก่อน เกาหลานบอกว่าเธอจะช่วยทำแทนเสี่ยวชวนเอง
คืนนั้นคนแก่เล่าเรื่องของสถานที่นี้ให้ทุกคนฟัง แต่โบราณสถานที่นี้เป็นประเทศหนึ่งที่ชื่อว่าถูอันกั๋ว ย้อนสู่อดีต
ในยุคโบราณ……
เสี่ยวชวนและคนทั้งหลายถูกจับตัวไปยังถูอันกั๋ว พวกเขาถูกมอบให้เป็นของขวัญฉลองวันโตเป็นผู้ใหญ่ขององค์หญิงอวี้ซู่ องค์หญิงออกมาเริงระบำและรับของขวัญ เสี่ยวชวนและทุกคนตกตะลึงในรูปโฉมขององค์หญิง เขาไม่ลืมที่จะถ่ายคลิปองค์หญิงคนงามเอาไว้ด้วย ตามประเพณีองค์หญิงต้องฆ่าเหล่าทาสสังเวย แต่นางใจดีไม่ยอมทำ ท่านแม่ทัพเห็นนางใจอ่อนเลยสั่งฆ่าโดยปล่อยเสือออกมา เสี่ยวชวนร้องให้ผู้ชายปกป้องให้ผู้หญิงและเด็กอยู่ข้างในและยืนเป็นกลุ่มวงกลม ทุกคนกลัวเสือพากันถอยหนี เสี่ยวชวนทำใจดีสู้เสือ เขาจับสร้อยโบราณที่หน้าอกและภาวนาให้สร้อยช่วยเขาด้วย เสี่ยวชวนร้องข่มเสือเสียงดังจนเสือหลบกลับเข้าคอกไป
ทุกคนเรียกเสี่ยวชวนเป็นเทพเจ้าและทำความเคารพ องค์หญิงอวี้ซู่มองดูเขาอย่างมีความหมาย ทาสได้รับการปลดปล่อยไม่ล่ามโซ่แต่โดนกักตัวเอาไว้ ทุกคนมาขอบคุณเสี่ยวชวนและขอร้องให้พาหนี เสี่ยวชวนตอบตกลง ขณะกำลังหนีพวกเขาเจอท่านแม่ทัพสกัดไว้ แม่ทัพสั่งฆ่าทุกคนไม่ให้เหลือแม้แต่คนเดียว
หัวหน้าผู้คุมคุยกับเสี่ยวชวนเรื่องการประลองในวันรุ่งขึ้น
ตึกแล้ว เสี่ยวชวนนั่งคุยกับหัวหน้าผู้คุม เขายอมรับเสี่ยวชวนทั้งหัวใจ และบอกว่าที่คนอื่นๆ ยอมนับถือเสี่ยวชวนเพราะเขาคือคนที่สามารถช่วยชีวิตคนกลุ่มใหญ่ได้ หากมิใช่แล้วมีหรือที่จะพูดอะไรคนก็เชื่อได้ง่ายดายขนาดนี้ คืนนั้นคนลูกติดพ่อแม่ลูก โดนเพื่อน ๆ ตำหนิและไม่ยอมรับเข้าพวก เสี่ยวชวนช่วยพูดให้ทุกคนอย่าตั้งข้อรังเกียจครอบครัวนี้ จากนั้นทั้งหมดก็แยกย้ายกันเข้านอน
ตอนเช้าพบว่าครอบครัวนี้เสียใจต่อการทำให้เสี่ยวชวนยิงพลาดจึงผูกคอตายทั้งครอบครัว เสี่ยวชวนโกรธมาก เขาเห็นเด็กน้อยลูกชายของครอบครัวนี้ยังมีลมหายใจ จึงฝายปอดจนเด็กฟื้นคืนสติ เด็กร้องไห้ เสี่ยวชวนสงสารเด็กมากเข้าไปกอดเด็กน้อยไว้(ฉากนี้ซึ้งมาก เสี่ยวชวนกอดเด็กแบบปกป้องและทนุถนอม) ผู้หญิงในกลุ่มคนหนึ่งออกมาจากกลุ่มคนและบอกว่าจะรับเด็กไปเลี้ยงเอง เสี่ยวชวนนำศพพ่อแม่ของเด็กไปฝังในป่า ก่อหลุมฝังศพให้เป็นอย่างดี เขาสัญญาต่อหน้าหลุมศพว่าจะชนะการประลองครั้งที่ 3 เพื่อให้ทุกคนรอดชีวิตให้ได้ แต่อยู่ ๆ เขาก็รู้สึกง่วงอย่างประหลาดจนหลับใหลไปในทันที การประลองครั้งที่ 3 หรือครั้งสุดท้ายยังรอเขาอยู่แท้ ๆ.....................
ในยุคปัจจุบัน
หลังจากเล่าเรื่องราวของเทพปราบพยัคฆ์แล้ว ผู้เฒ่าบอกว่า การประลองครั้งที่ 3 ไม่มีใครรู้ว่าผลเป็นอย่างไร เท่าที่รู้คือทุกคนรอดตายและตั้งรกรากกันที่ถูอันกั๋ว ทั้งยังได้ตั้งชื่อหมู่บ้านนี้ว่าฟู๋หู่ชุน(ปราบพยัคฆ์) พวกนักโทษเหล่านั้นได้สร้างรูปปั้นหินที่ศีรษะขาด นับไปแล้วก็ประมาณ 2000 ปีได้ ต้าชวนจดรายละเอียดทั้งหมดไว้ หัวหน้าอี้ดีใจที่ได้ข้อมูลของถูกอันกั๋ว เขาจะได้บันทึกไว้ให้ลูกหลานในภายหน้าได้อ่านกัน ต้าชวนบอกว่าจะบันทึกเป็นตำนานให้คนเล่าขานกันต่อไป เกาหลานเสนอให้เติมเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ ลงไปด้วย สาว ๆ จะชอบอ่านมาก ผู้เฒ่าขอตัวและบอกว่าหมดหน้าที่แล้ว คุณนายอี้บอกว่าอย่าลืมที่นัดแนะกันไว้ ผู้เฒ่าบอกว่าจะรอการติดต่อจากเธอ
เกาหลานขอตัวไปถ่ายรูปทิวทัศน์แถวนี้ เธอปีนขึ้นไปบนยอดเขา ถ่ายรูปเพลิน ๆ เม็มโมรี่ก็เต็ม ถ่ายไม่ได้อีก เธอโกรธที่ต้าชวนเอากล้องเธอไปถ่ายรูปโบราณวัตถุจนไม่มีที่เหลือเลย เธอกดดูรูปของพี่ชายและเสี่ยวชวนที่ค้างอยู่ในกล้อง จึงหยิบโทรศัพท์มือถือโทรหาพี่ชายแต่ก็ไม่มีสัญญาณตอบรับ เกาหลานร้องตะโกนหาทั้งสองลั่นหุบเขา เธอร้องไห้และตะโกนบอกให้พวกเขารีบกลับมา ที่ห่างไกลออกไปมีคนชุดดำใช้กล้องส่องทางไกลแอบมองดูเธออยู่
ในยุคโบราณ.....
คนชุดดำอีกคนหนึ่งก็ยืนมองดูเสี่ยวชวนที่สลบไสลอยู่เช่นกัน ไม่นานนักเสี่ยวชวนก็ตื่นขึ้นมา เข้าใจว่าคนชุดดำถูกท่านแม่ทัพส่งมา เขาจึงต่อว่ายกใหญ่ แต่เมื่อเปิดผ้าคลุมหัวออก ที่แท้เป็นองค์หญิงอวี้ซู่ที่มาบอกให้เสี่ยวชวนหนีไป เพราะไม่ว่าอย่างไร เสี่ยวชวนก็ไม่มีทางชนะในการประลองครั้งสุดท้ายแน่นอน องค์หญิงบอกว่าเสียดายเขา และหากเขาหนีไป ในอนาคตยังได้พบกัน เสี่ยวชวนเห็นองค์หญิงดีกับเขาอย่างนี้จึงทำตาม ยอมหนีไป แต่เมื่อไปถึงตีนเขา เขากลับวนกลับไปใหม่ ดีที่เขายังไม่ลงไป เพราะแม่ทัพรอตัดคอเขาอยู่ที่นั่น
เสี่ยวชวนกลับมาหาองค์หญิง เขาเด็ดดอกไม้ช่อใหญ่ติดมือมาฝากนางด้วย องค์หญิงรู้สึกประหลาดใจ แต่สุดท้ายก็เฉลยว่าเขาชนะการประลองแล้ว อุบายนี้เป็นการทดสอบจิตใจของเสี่ยวชวนว่าเป็นคนดีหรือไม่ ในเมื่อเสี่ยวชวนผ่านการทดสอบ คนทั้งหมดจึงรอดตาย เมื่อไม่รู้ว่าจะไปไหนต่อดี คนทั้งหมดจึงอยู่ตั้งรกรากที่ถูอันกั๋ว เสี่ยวชวนอยากเห็นหน้าองค์หญิงทุกวัน จึงอยู่ที่ถูอันกั๋วด้วยเช่นกัน
ท่านแม่ทัพรู้สึกถูกใจเสี่ยวชวน บอกว่าจะมาคุยกันอีก
เสี่ยวชวนขึ้นเขาไปตะโกนความในใจบอกว่าตัวเองเป็นฮี่โร่แล้ว ช่วยคนได้มากมายเหมือนก๊วยเจ๋ง เขาคิดถึงเกาหลานขึ้นมาเลยบอกว่าไม่เจอกันตั้งนาน อย่ามัวรอเขาเลย เลิกกันดีกว่า หากไม่ยอมมาปรากฏตัวเดี๋ยวนี้จะเลิกกันจริง ๆ แล้ว เขาร้องตะโกนเสียงดัง โยนไม้ในมือออกไปด้วยอารมณ์พลุ่งพล่าน ไม้นั้นได้ข้ามมิติไปยังปี 2010.......
ยุคปัจจุบัน
อยู่ ๆ เกาหลานก็สลบไป เธอตื่นขึ้นมาเพราะเหมือนได้ยินเสียงเรียกของใครบางคน และเสียงของอะไรบางอย่างตกลงในพงหญ้า เกาหลานมองไปรอบ ๆ พลางตะโกนถามว่ามีใครอยู่ไหม แต่ไม่มีเสียงตอบ เธอมองไปกลับเจอเรื่องที่น่าตกใจ กล้องของเธอวางอยู่บนกล่องโบราณล้ำค่าที่โดนพวกโจรชิงไป กล่องใบนี้ทำให้เกิดเรื่องประหลาดมากมาย เธอร้องอุทานด้วยความตกใจระคนดีใจ
ทุกคืนโดนความเจ็บปวดปลุกให้ตื่น
ความคิดถึงก็ไม่มีจุดจบสิ้น
ชาชินกับการอยู่เพียงลำพัง
แต่ยังคงต้องยิ้มสู้ จงเชื่อใจข้า
หากเจ้าเลือกที่จะรอ
ต่อให้ต้องเจ็บปวดเพียงไหน
ข้าก็จะไม่มีวันหลีกหนี
มีแต่ความอ่อนโยนของเจ้าเท่านั้น
ที่สามารถปลอบโยนหัวใจอันเปล่าเปลี่ยวร้าวราน.........
เสี่ยวชวนร้องเพลงที่มีเนื้อหาเศร้าสร้อย องค์หญิงนิ่งฟังแล้วซบลงบนไหล่ของเขา ต่างรับทราบความในใจของกันอย่างชัดเจนในคืนอันหนาวเหน็บนอกกำแพงเมืองเสียนหยาง เหมิงเถียนได้แต่มองดูโดยไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว
เช้าแล้ว ถึงเวลาที่ต้องจากกัน องค์หญิงกลับมาแต่งตัวสูงศักดิ์ดังเดิม นางเผลอโดนไม้ตำนิ้วจนเลือดไหล เสี่ยวชวนหาผ้ามาพันแผลให้ แต่องค์หญิงบอกว่าไม่ต้อง นางต้องการรับทราบความเจ็บปวดนี้ เสี่ยวชวนมองดูเงาหลังของนางและเหมิงเถียนที่เล็กลงทุก ๆ ทีขณะเดินจากไปด้วยความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย ทั้งสองเดินลึกเข้าไปในวังหลวง........หนทางที่ทอดยาวไปสู่ชะตากรรมที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง...
ยุคปัจจุบัน
ที่ศูนย์วิจัยโบราณคดี หัวหน้าอี้เรียกทุกคนมาและเอาแผนที่ซึ่งโดนไฟไหม้ไปเมื่อครั้งก่อนให้ทุกคนดู ตอนนี้มันกลับสู่สภาพเดิมด้วยวิทยาการสมัยใหม่ ทั้งหมดพบว่าจุดที่โดนไฟไหม้ไปคือเวิ้งน้ำใหญ่ประมาณทะเลสาบ ซึ่งหัวหน้าอี้บอกว่าวิธีการทำแผนที่ของโบราณกับของใหม่ที่ลอกมาอาจทำให้เกิดความผิดพลาดได้เหมือนกัน คนทั้งหมดไม่ทราบว่าทะเลสาบแห่งนี้หมายถึงอะไร
ด้านลอร่า เธอกำลังเถียงกับคนชุดดำว่าพวกต้าชวนคลายปริศนาไม่ได้เรื่อง ตอนนี้ไม่มีเบาะแสอะไรให้หาต่อแล้ว แต่คนชุดดำสอนลอร่าว่า อย่าได้ดูถูกศัตรูของตนเอง เพราะนี่เป็นประสบการณ์ที่เขาได้พิสูจน์มาตลอดชีวิตแล้ว ขอให้รอดูต้าชวนและตาแก่สองคนนี้ต่อไป
เกาหลาน แอบอ่านนิยายที่ต้าชวนแต่ง เธอรู้สึกว่าเขาเขียนได้ดีมาก แม้เขาจะไม่เคยมีความรัก เธอเริ่มรู้สึกนับถือความเก่งกาจของเขาในหลาย ๆ ด้าน และบอกว่าเธอก็จะเขียนบ้าง เขียนให้เจ๋งกว่าเขาอีก จากนั้นก็เริ่มลงมือเขียนเรื่อง “ลาก่อนถูอัน” เริ่มด้วยประโยคที่ว่า
“นางเป็นองค์หญิงรัฐถูอัน เก่งด้านการร้องรำทำเพลง มีสติปัญญาเลิศล้ำเหนือผู้คน....................
กลับไปสู่ยุคฉิน นิยายรักที่นี่ก็กำลังเข้มข้นเช่นกัน
เหมิงเถียนพาองค์หญิงไปเข้าเฝ้าฉินสื่อหวง(จิ๋นซี) พระองค์พอใจมากเมื่อเห็นโฉมหน้าของนางชัด ๆ จึงแต่งตั้งนางเป็น “อวี้เหม่ยเหริน” (玉美人นางงามอวี้(หยก)) ข้าราชบริพารไม่พอใจ บอกว่านางเป็นองค์หญิงจากบ้านป่าเมืองเถื่อน จะได้ตำแหน่งสูง ๆ ในรัฐที่มีอารยธรรมสูงส่งได้อย่างไร นางต้องพิสูจน์ตัวเองก่อนว่ามีวัฒนธรรมสูงส่งหรือไม่ เรื่องดนตรีเก่งกาจเพียงใด
ต้าชวนแบกเกาหลานออกมาจากบาร์ เธอดื่มจนเมามาก และคุยกับต้าชวนราวกับเขาคือเสี่ยวชวน เกาหลานคร่ำครวญถึงพี่ชายเกาเย่า และร้องไห้ ต้าชวนอายคนบนถนนแต่พยายามปลอบใจเธอและบอกว่าจะตามหาทั้งสองให้เจอ เกาหลานคิดว่าเขาเป็นเสี่ยวชวน บอกว่าเขาดีมาก จึงหอมแก้มเขาหนึ่งที ต้าชวนไม่รู้จะจัดการกับสาวสวยที่เมาอย่างไร ได้แต่พาไปส่งบ้าน
เขาจัดให้เกาหลานนอน เกาหลานสารภาพว่าเธอกลัวว้าเหว่า เธอคิดถึงเสี่ยวชวนและพี่ชายมาก ขอให้ทั้งสองรีบกลับมา ต้าชวนรู้สึกเห็นใจเธอ แต่เขาต้องกลับบ้านแล้ว เกาหลานดึงแขนเขาไว้และบอกให้เขาอยู่เป็นเพื่อนก่อน ต้าชวนสงสารเลยอยู่เป็นเพื่อนเธอ เขานั่งที่หน้าคอมพ์ของเกาหลานเห็นเธอแต่งนิยายปริ้นท์ออกมาวางอยู่ข้าง ๆ จึงเริ่มอ่าน
ต้าชวนอ่านจนโกรธมาก เพราะเธอบรรยายเขาไว้แย่จริง ๆ เขาจึงลุกขึ้นมาด่าเกาหลาน แต่เห็นสาวงามนอนหลับอย่างน่ารักจึงยอมอภัยให้และบอกว่าจะแก้ไขนิยายรักให้ดีกว่านี้ เขาเริ่มพิมพ์คอมพ์ฯแก้ไขนิยายรักของเกาหลานเป็นแบบฉบับของเขาเอง
ตอนเช้าเกาหลานตื่นขึ้นมา เธอเดินไปที่โต๊ะอาหารพบว่าต้าชวนเตรียมอาหารให้และเขียนโพสต์อิทไว้ว่าให้รีบกินเสีย เกาหลานรู้สึกดี ๆ แต่ติต้าชวนเขียนเม็มโมไม่โรแมนติคเสียเลย เกาหลานเดินไปที่เครื่องคอมพ์ และพบว่าต้าชวนอัพบล็อกเป็นรูปบาร์เหล้าที่ไปมาเมื่อคืนด้วย เกาหลานทั้งโกรธทั้งอายที่เขาเขียนเรื่องของเธอ เมื่อเลื่อนหน้าจอลงมาจึงพบกับนิยายรักที่ต้าชวนปรับเปลี่ยน เธออ่านนิยายที่เขียนว่า “ฉบับแก้ไขโดยอี้ต้าชวน” แม้จะโกรธแต่เธอก็อยากรู้ว่าเขาเขียนอะไร
“ลาก่อนถูอัน(再见图安)”
ฉบับแก้ไขโดยอี้ต้าชวน
“สุราทั้งเย็นเยียบ และร้อนแรง
ดื่มเข้าไปแล้วใจรอน ๆ แต่เมื่อสาดใส่แผลช่างแสบร้อน
หากแผลนั้นอยู่ในใจเล่า?
เขาเมาแล้ว......................
เสี่ยวชวนรู้ว่าเซี่ยงหวี่ยอมอ่อนข้อให้เขาจึงซึ้งใจมาก เขามาอำลาเซี่ยงหวี่ทั้งสองถูกคอกันและกันจึงสาบานเป็นพี่น้อง
เสี่ยวชวนเดินทางไปประสบเหตุ ครอบครัวของหลู่กงถูกปล้นลูกสาวถูกรังแกจนแทบเสียตัวให้แก่พวกโจร โชคดีที่เขาเข้าช่วยไว้ได้ เสี่ยวชวนถามหาว่ารัฐเยียนอยู่ที่ไหน บิดาของสองสาวบอกว่าพวกเขากำลังจะไปทางเดียวกันพอดี ขอให้เสี่ยวชวนช่วยคุ้มกันและร่วมทางกันจะได้ช่วยเหลือกันได้ เสี่ยวชวนตกลง
ระหว่างทางสาวผู้พี่ที่ชื่อหลู่จื้อ(吕稚)ถูกใจเสี่ยวชวน นางสวมชุดดิ้นทองที่เย็บเองและตั้งใจจะสวมให้ชายคนรักดู เสี่ยวชวนไม่ได้คิดอะไร เขาชอบแกล้งสองสาวเสมอ ๆ โดยฉพาะสาวผู้น้องหลู่ซู่ซู่ที่ขี้อาย เมื่อไปถึงจุดหมายของหลู่กง เสี่ยวชวนรู้โดยบังเอิญว่าที่ครอบครัวนี้ไม่ยอมรับแขกเพราะเงินทองโดนโจรปล้นจนแทบไม่มีจะกินอยู่แล้ว
เสี่ยวชวนสืบเสาะหาจุดหมายของตนตามที่อ่านจากกล่องโบราณ เขาไปถึงเมืองเพ่ยเสี้ยน(沛县)ที่มีชื่อว่าเนื้อหมาอร่อย เขาจึงหาร้านลองทานดู ระหว่างนั้นเองเขาเจอกับคนประหลาดที่อ้างว่ารู้จักเขา และหลอกกินเนื้อหมาที่เขาสั่งมาจนหมด คนประหลาดหนีไป และโดนเด็ก ๆ ล้อว่าชอบหลอกกินประจำ ด้วยเหตุนี้เสี่ยวชวนจึงรู้ว่าเจอสิบแปดมงกุฎที่ชื่อหลิวซันเหยีย(刘三爷)เข้าให้แล้ว
เสี่ยวชวนพยายามหาคลื่นโทรศัพท์มือถือ เขานึกว่าอีกไม่นานจะได้กลับบ้านจึงถ่ายคลิปตัวเองบอกเล่าว่าได้หลงเข้ามาในยุคฉิน ใช้แบตเตอรี่มากเกินทำให้แบตหมด เสี่ยวชวนไม่มีที่ชาร์จและไม่มีปลั๊กให้ชาร์จจึงหาทางทำกระแสไฟเอง เขาหาวัตถุดิบต่าง ๆ แต่ยังขาดลวดทองแดง เขาสอบถามจากหลู่จื้อ นางบอกว่าฟังที่เสี่ยวชวนพูดไม่รู้เรื่อง แต่ถ้าเส้นไหมทอง นางมีอยู่จะนำมาให้ เสี่ยวชวนบอกว่าดีกว่าลวดเสียอีก เมื่อได้มา เขากระโดดหอมหน้าผากนาง สาวงามตกใจมากระคนดีใจ และตื่นเต้น นางรู้สึกว่าเสี่ยวชวนไม่เหมือนใคร
คืนนั้นเสี่ยวชวนนั่งทำวงจรไฟฟ้าจนสำเร็จ เขารีบไปแจ้งข่าวให้หลู่จื้อทราบ และแอบได้ยินนางคุยกับน้องสาวว่านางเอาเส้นไหมทองมาจากชุดที่นางอุตส่าห์ทำเป็นปีสำหรับใส่ให้คนรักดูชุดนั้น เสี่ยวชวนเห็นว่าครอบครัวหลู่กงกำลังลำบากจึงเสนอให้หลู่กงเปิดโรงเรียน โดยเขาจะหาทางให้คนบริจาคสถานที่เอง หลู่กงและลูกสาวทั้งสองดีใจมาก
ตอนที่ 5
เสี่ยวชวนใช้การตลาดสมัยใหม่ในการเปิดโรงเรียนสอนหนังสือ เขาทำตารางเรียนหนังสือกับหลู่กง ใครเรียนใกล้เห็นหลู่กงชัด ได้จับมือ ได้นั่งทานอาหารร่วมกัน ก็คิดราคาหนึ่ง ถ้าอยู่ไกลก็คิดอีกราคาหนึ่ง คนทั้งหลายเห็นว่าหลู่กงมีความรู้จึงสนใจกันอย่างมากมาย เสี่ยวชวนเกรงคนจะนินทาเลยบอกว่ายอดบริจาคเปิดโรงเรียนจะสลักไว้บนหินศิลาจารึกได้เห็นกันอย่างถนัดชัดเจน ชาวบ้านที่พอมีเงินเห็นว่าเสี่ยวชวนโปร่งใส เลยสนใจกันมาก วางเงินจองกันจนรับไม่ทัน
เสี่ยวชวนเอาเงินไปให้หลู่จื้อดู นางรู้สึกปลื้มเสี่ยวชวนมาก เสี่ยวชวนบอกว่าเย็นพรุ่งนี้จะมีงานเลี้ยงฉลองการเปิดโรงเรียนถ้าไงให้สองสาวมาร่วมด้วย เพื่อให้คนมีตังค์ทั้งหลายเข้ามาเรียน เสี่ยวชวนใช้คำศัพท์สมัยใหม่ ทำให้หลู่จื่อเอามาประกอบกันและบอกว่าที่เหลือปล่อยนางเอง นางจะป่าวประกาศให้คนมากันเยอะ ๆ
หลู่จื้อปลอมตัวเป็นชายเข้าไปนั่งทานอาหาร เห็นคนจับกลุ่มคุยกันเรื่องการสมัครเรียนกับหลู่กง นางรีบเข้ามาแทรกและบอกว่าหลู่กงมีลูกสาวสองคน สวยมากจะไปร่วมงานเลี้ยงด้วย และหลู่กงกำลังจะเลือกลูกเขย พวกหนุ่ม ๆ รีบเข้ามามุงสนใจฟังเรื่องของสาวงาม วันนั้นเองโรงเรียนของหลู่กงเปิดรับสมัครนักเรียนได้มากมาย และงานเลี้ยงวันพรุ่งนี้มีคนอยากเข้าร่วมล้นหลาม รวมถึงหลิวซันเหยียคนพเนจรด้วย เขาเห็นลูกสาวของหลู่กงออกมาโชว์ตัวด้วยแผนการของหลู่จื้อ เขาหลงรักนางในทันทีจึงต้องการเข้าร่วมงานเลี้ยงด้วย
หลู่กง(吕公)ทราบเรื่องการรับสมัครเข้าเรียน รู้สึกเหมือนหากินหลอกชาวบ้าน แต่หลู่จื้อบอกว่าการทำเช่นนี้จะทำให้พวกนางเลี้ยงชีพได้ และหากหาคู่ให้น้องสาวที่เข้าสู่วัยออกเรือนได้อีกด้วย เมื่อมีญาติดองกันมาช่วยเหลือจะทำให้ตระกูลหลู่อยู่ในเมืองนี้ได้อย่างวางใจ ตระกูลหลู่เพิ่งเข้ามาอยู่ที่เมืองเพ่ยเสี้ยนแห่งนี้ ควรจะมีคนท้องถิ่นที่รู้จักผูกญาติไว้จะดีกว่า หลู่กงเห็นดีกับบุตรสาวด้วย ในงานเลี้ยงพรุ่งนี้ทั้ง สองจะช่วยกันเลือกหาชายที่เหมาะสม
ในงานเลี้ยงหนุ่ม ๆ ทยอยเข้าสู่งานหลู่จื้อแอบมองและให้คะแนนแต่ละคนโดยมีเสี่ยวชวนช่วยออกความเห็นอยู่ข้าง ๆ หลู่ซู่ซู่(吕素素)มาเห็นเข้าพอดี นางเริ่มสงสัยแต่ยังไม่ทราบความนัย ผู้เข้าร่วมงานจัดเป็นเกรด ๆ ไปตั้งแต่ใกล้ชิดหลู่กงที่สุดกับอยู่ห่างที่สุด ค่าเข้างานขั้นต่ำเป็นพัน หลิวซันเหยียได้รับการสนับสนุนเงินจากคนขายของข้างทางและพนันว่าหากได้แต่งงานกับลูกสาวของหลู่กง เขาจะยอมเป็นทาสรับใช้ตลอดชาติ หลิวซันเหยียรับคำท้า เขาหาทางเข้างานแต่ถูกเด็ก ๆ ร้องเพลงล้อ เสียงเพลงดังเข้าไปรบกวนคนในงาน เสี่ยวชวนต้องออกมาดู
เมื่อเห็นหลิวซันเหยีย เสี่ยวชวนรู้แล้วว่าเขาเป็นสิบแปดมงกุฎ แต่เมื่อเสี่ยวชวนสอบถามชื่อของหลิวซันเหยีย เขาต้องรีบเปลี่ยนทีท่าทันทีเพราะหลิวซันเหยีย(นายสาม)เป็นลูกคนที่สามและมีชื่อว่าหลิวปัง(เล่าปัง) เสี่ยวชวนตกตะลึงที่ต้องมาเจอปฐมกษัตริย์ของราชวงศ์ฮั่นตัวเป็น ๆ ในยุควุ่นวายนี้ เสี่ยวชวนรีบเชื้อเชิญหลิวปังเข้างานอย่างนอบน้อม และบอกว่าจะช่วยเหลือหลิวปังทุกอย่าง
ยุคปัจจุบัน ที่ศูนย์วิจัยโบราณคดี พ่อของต้าชวนได้นำหญิงสาวผู้หนึ่งมาแนะนำให้ทุกคนรู้จัก เธอเป็นผู้จัดการทั่วไปของกลุ่มบริษัทตระกูลเจ้า(赵氏集团) ทุนวิจัยของต้าชวนก็ได้มาจากกลุ่มบริษัทนี้ เธอรู้จักคนที่มีอิทธิพลในการศึกษาโบราณคดีมากมาย พ่อของต้าชวนเป็นหัวหน้าของศูนย์วิจัยแห่งนี้ต้องการให้เธอช่วยหาทางไขความลับของกล่องโบราณที่หลายคนต้องการแย่งชิง
แม่ของต้าชวนที่มาช่วยวิจัยกล่องโบราณเห็นลอร่า(罗拉)ก็รู้สึกถูกใจเพราะเธอทั้งสวยทั้งเก่ง จึงยุให้ต้าชวนจีบเธอ ต้าชวนรู้สึกกระอักกระอ่วนเมื่อลอร่าชวนไปดินเน่อร์ เขาบอกว่ามันเร็วไปหรือเปล่าจึงปฎิเสธว่าเขาต้องอยู่เวรที่ศูนย์ แท้จริงแล้วเขาเข้าใจผิดไป ที่แท้เธอชวนเขาไปรู้จักกับคนในวงการที่จะมีงานเลี้ยงคืนนี้ ต้าชวนรู้เข้าสนในมากจึงหาคนมาอยู่เวรแทนและไปงานเลี้ยง
เสี่ยวชวนเอาเงินไปให้หลู่จื้อดู นางรู้สึกปลื้มเสี่ยวชวนมาก เสี่ยวชวนบอกว่าเย็นพรุ่งนี้จะมีงานเลี้ยงฉลองการเปิดโรงเรียนถ้าไงให้สองสาวมาร่วมด้วย เพื่อให้คนมีตังค์ทั้งหลายเข้ามาเรียน เสี่ยวชวนใช้คำศัพท์สมัยใหม่ ทำให้หลู่จื่อเอามาประกอบกันและบอกว่าที่เหลือปล่อยนางเอง นางจะป่าวประกาศให้คนมากันเยอะ ๆ
หลู่จื้อปลอมตัวเป็นชายเข้าไปนั่งทานอาหาร เห็นคนจับกลุ่มคุยกันเรื่องการสมัครเรียนกับหลู่กง นางรีบเข้ามาแทรกและบอกว่าหลู่กงมีลูกสาวสองคน สวยมากจะไปร่วมงานเลี้ยงด้วย และหลู่กงกำลังจะเลือกลูกเขย พวกหนุ่ม ๆ รีบเข้ามามุงสนใจฟังเรื่องของสาวงาม วันนั้นเองโรงเรียนของหลู่กงเปิดรับสมัครนักเรียนได้มากมาย และงานเลี้ยงวันพรุ่งนี้มีคนอยากเข้าร่วมล้นหลาม รวมถึงหลิวซันเหยียคนพเนจรด้วย เขาเห็นลูกสาวของหลู่กงออกมาโชว์ตัวด้วยแผนการของหลู่จื้อ เขาหลงรักนางในทันทีจึงต้องการเข้าร่วมงานเลี้ยงด้วย
หลู่กง(吕公)ทราบเรื่องการรับสมัครเข้าเรียน รู้สึกเหมือนหากินหลอกชาวบ้าน แต่หลู่จื้อบอกว่าการทำเช่นนี้จะทำให้พวกนางเลี้ยงชีพได้ และหากหาคู่ให้น้องสาวที่เข้าสู่วัยออกเรือนได้อีกด้วย เมื่อมีญาติดองกันมาช่วยเหลือจะทำให้ตระกูลหลู่อยู่ในเมืองนี้ได้อย่างวางใจ ตระกูลหลู่เพิ่งเข้ามาอยู่ที่เมืองเพ่ยเสี้ยนแห่งนี้ ควรจะมีคนท้องถิ่นที่รู้จักผูกญาติไว้จะดีกว่า หลู่กงเห็นดีกับบุตรสาวด้วย ในงานเลี้ยงพรุ่งนี้ทั้ง สองจะช่วยกันเลือกหาชายที่เหมาะสม
ในงานเลี้ยงหนุ่ม ๆ ทยอยเข้าสู่งานหลู่จื้อแอบมองและให้คะแนนแต่ละคนโดยมีเสี่ยวชวนช่วยออกความเห็นอยู่ข้าง ๆ หลู่ซู่ซู่(吕素素)มาเห็นเข้าพอดี นางเริ่มสงสัยแต่ยังไม่ทราบความนัย ผู้เข้าร่วมงานจัดเป็นเกรด ๆ ไปตั้งแต่ใกล้ชิดหลู่กงที่สุดกับอยู่ห่างที่สุด ค่าเข้างานขั้นต่ำเป็นพัน หลิวซันเหยียได้รับการสนับสนุนเงินจากคนขายของข้างทางและพนันว่าหากได้แต่งงานกับลูกสาวของหลู่กง เขาจะยอมเป็นทาสรับใช้ตลอดชาติ หลิวซันเหยียรับคำท้า เขาหาทางเข้างานแต่ถูกเด็ก ๆ ร้องเพลงล้อ เสียงเพลงดังเข้าไปรบกวนคนในงาน เสี่ยวชวนต้องออกมาดู
เมื่อเห็นหลิวซันเหยีย เสี่ยวชวนรู้แล้วว่าเขาเป็นสิบแปดมงกุฎ แต่เมื่อเสี่ยวชวนสอบถามชื่อของหลิวซันเหยีย เขาต้องรีบเปลี่ยนทีท่าทันทีเพราะหลิวซันเหยีย(นายสาม)เป็นลูกคนที่สามและมีชื่อว่าหลิวปัง(เล่าปัง) เสี่ยวชวนตกตะลึงที่ต้องมาเจอปฐมกษัตริย์ของราชวงศ์ฮั่นตัวเป็น ๆ ในยุควุ่นวายนี้ เสี่ยวชวนรีบเชื้อเชิญหลิวปังเข้างานอย่างนอบน้อม และบอกว่าจะช่วยเหลือหลิวปังทุกอย่าง
ยุคปัจจุบัน ที่ศูนย์วิจัยโบราณคดี พ่อของต้าชวนได้นำหญิงสาวผู้หนึ่งมาแนะนำให้ทุกคนรู้จัก เธอเป็นผู้จัดการทั่วไปของกลุ่มบริษัทตระกูลเจ้า(赵氏集团) ทุนวิจัยของต้าชวนก็ได้มาจากกลุ่มบริษัทนี้ เธอรู้จักคนที่มีอิทธิพลในการศึกษาโบราณคดีมากมาย พ่อของต้าชวนเป็นหัวหน้าของศูนย์วิจัยแห่งนี้ต้องการให้เธอช่วยหาทางไขความลับของกล่องโบราณที่หลายคนต้องการแย่งชิง
แม่ของต้าชวนที่มาช่วยวิจัยกล่องโบราณเห็นลอร่า(罗拉)ก็รู้สึกถูกใจเพราะเธอทั้งสวยทั้งเก่ง จึงยุให้ต้าชวนจีบเธอ ต้าชวนรู้สึกกระอักกระอ่วนเมื่อลอร่าชวนไปดินเน่อร์ เขาบอกว่ามันเร็วไปหรือเปล่าจึงปฎิเสธว่าเขาต้องอยู่เวรที่ศูนย์ แท้จริงแล้วเขาเข้าใจผิดไป ที่แท้เธอชวนเขาไปรู้จักกับคนในวงการที่จะมีงานเลี้ยงคืนนี้ ต้าชวนรู้เข้าสนในมากจึงหาคนมาอยู่เวรแทนและไปงานเลี้ยง
ตอนที่ 6
ต้าชวนแต่งตัวหล่อ เกาหลาน(高岚)ต่อว่าว่าทำไมต้องแต่งหล่อขนาดนี้ ต้าชวนบอกว่าเขาไปทำงาน เธอบ่นและไม่ค่อยชอบหน้าลอร่าสักเท่าใดนัก คืนนั้นเอง เมื่อยามเผลอพวกโจรจึงเข้ามาขโมยกล่องโบราณไปอย่างง่ายดาย เกาหลานโทษว่าต้าชวนที่เห็นแก่ผู้หญิงจนลืมหน้าที่ ถ้าต้าชวนไม่ไปดินเน่อร์คืนก่อน คงไม่เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น ต้าชวนก็ไม่อยากให้เรื่องเป็นแบบนี้เหมือนกัน
ตำรวจสืบเรื่องราวและพบว่ารอยนิ้วมือที่ปรากฏบนกล่องเป็นลายนิ้วมือของเสี่ยวชวนและเกาเย่า ทำให้ทั้งสองตกเป็นผู้ต้องสงสัยว่าอาจเป็นคนขโมยสมบัติโบราณของชาติไป ทั้งเกาหลานและครอบครัวของต้าชวนตกใจมาก เกาหลานพยายามคิดหาทางพิสูจน์ความจริง เธอต้องหาตัวเสี่ยวชวนให้พบให้ได้
กลับไปที่ยุคฉิน.....
ทุกคนในงานต่างแปลกใจที่หลิวซันเหยียผู้ยากไร้ได้เข้าไปนั่งในที่นั่งดีที่สุดของงาน หลู่กงสอบถามความเป็นมาและเมื่อทราบตรง ๆ จากปากของหลิวปังว่าสนใจลูกสาวของท่าน หลู่กงบอกให้หลิวปัง(刘邦)หาทางออกเรื่องปากท้องของตนเองเสียก่อนจะมานึกเรื่องแต่งเมีย หลู่จื้อกับซู่ซู่ที่แอบมองหลิวปังอยู่มีความเห็นแตกต่างกัน หลู่จื้อรู้สึกเกลียดขี้หน้าหลิวปังในขณะที่ซู่ซู่รู้สึกว่าหลิวปังแตกต่างจากคนอื่น เมื่อได้รับการปฏิเสธจากหลู่กง หลิวปังยอมจากไปและบอกว่าจะต้องลืมตาอ้าปากจนได้ ทุกคนในงานมองตามหลิวปังด้วยความประหลาดใจ
ตำรวจสืบเรื่องราวและพบว่ารอยนิ้วมือที่ปรากฏบนกล่องเป็นลายนิ้วมือของเสี่ยวชวนและเกาเย่า ทำให้ทั้งสองตกเป็นผู้ต้องสงสัยว่าอาจเป็นคนขโมยสมบัติโบราณของชาติไป ทั้งเกาหลานและครอบครัวของต้าชวนตกใจมาก เกาหลานพยายามคิดหาทางพิสูจน์ความจริง เธอต้องหาตัวเสี่ยวชวนให้พบให้ได้
กลับไปที่ยุคฉิน.....
ทุกคนในงานต่างแปลกใจที่หลิวซันเหยียผู้ยากไร้ได้เข้าไปนั่งในที่นั่งดีที่สุดของงาน หลู่กงสอบถามความเป็นมาและเมื่อทราบตรง ๆ จากปากของหลิวปังว่าสนใจลูกสาวของท่าน หลู่กงบอกให้หลิวปัง(刘邦)หาทางออกเรื่องปากท้องของตนเองเสียก่อนจะมานึกเรื่องแต่งเมีย หลู่จื้อกับซู่ซู่ที่แอบมองหลิวปังอยู่มีความเห็นแตกต่างกัน หลู่จื้อรู้สึกเกลียดขี้หน้าหลิวปังในขณะที่ซู่ซู่รู้สึกว่าหลิวปังแตกต่างจากคนอื่น เมื่อได้รับการปฏิเสธจากหลู่กง หลิวปังยอมจากไปและบอกว่าจะต้องลืมตาอ้าปากจนได้ ทุกคนในงานมองตามหลิวปังด้วยความประหลาดใจ
หลู่จื้อผู้มากปัญญากลับมาหลงรักหนุ่มต่างยุคอย่างเสี่ยวชวน
หลู่จื้อมีท่าทางแปลก ๆ จนซู่ซู่สงสัย เมื่อสอบถามจึงทราบว่าบิดาและพี่สาวกำลังจะหาชายที่พึ่งพาได้ให้ตน ซู่ซู่เปิดเผยว่ามีชายในดวงใจแล้ว หลู่จื้อสอบถามจึงทราบว่าชายในดวงใจของซู่ซู่ก็คืออี้กงจื่อ(易公子)คุณชายอี้)นั่นเอง
เสี่ยวชวนทราบว่าหลิวปังจะเป็นใหญ่เป็นโตในอนาคตจึงสาบานเป็นพี่น้องกับเขา โดยไม่ลืมที่จะถ่ายคลิปเก็บเอาไว้(แบตเต็มแล้วเพราะทำวงจรกำเนิดไฟฟ้าเอง) เสี่ยวชวนบอกว่ามีสุขร่วมเสพมีทุกข์ร่วมต้าน หลิวปังจึงขอให้เสี่ยวชวนช่วยพูดกับหลู่กงเพื่อสู่ขอหลู่จื้อที่เขาหมายตา เสี่ยวชวนทราบความในใจของหลิวปัง แล้วจึงพยายามหาคำพูดมาเกลี้ยกล่อมหลู่กงและหลู่จื้อ ขณะฝึกซ้อมอยู่ในห้องจนได้คำพูดที่คิดว่าดีที่สุดแล้ว เขารีบเปิดประตูออกมาจึงชนกับหลู่จื้อที่รู้สึกร้อนใจจึงรีบมาหาเสี่ยวชวนเพื่อเปิดเผยความรู้สึกกับเขา ทั้งสองชนกันที่หน้าประตูพอดี เสี่ยวชวนโอบเอวนางไว้ไม่ให้ล้ม หลู่จื้อใจเต้นตูมตาม รีบหลบสายตาของเสี่ยวชวน
เมื่อตั้งสติได้ หลู่จื้อบอกว่านางมีเรื่องจะบอก เสี่ยวชวนเองก็อยากจะบอกนางว่าหลิวปังสนใจนาง ถ้าแต่งงานกับเขาแล้วจะสบาย หลู่จื้อรีบบอกว่านางรักเขา เขาทั้งจูบหน้าผากนาง และกอดนาง แสดงว่ามีใจ เสี่ยวชวนบอกว่าที่จูบหน้าผากเพราะดีใจที่ได้ไหมทอง ที่กอดเพราะกลัวนางจะล้ม เขาไม่ได้คิดอะไร หลู่จื้อไม่ฟัง เรียกเขาว่า “อี้หลาง”(易郎หลางใช้เรียกชายคนรัก) เสี่ยวชวนบอกนางว่าหลิวปังต่างหากที่นางควรแต่งงานด้วย หลู่จื้อไม่ฟัง ที่สุดเสี่ยวชวนต้องโกหกว่าเขามีสาวในใจแล้ว หลู่จื้อเดาว่าเป็นซู่ซู่ เสี่ยวชวนทวนคำว่า ซู่ซู่ พอดีซู่ซู่ที่อยู่ด้านนอกเข้าใจว่าคนที่เสี่ยวชวนรักก็คือตน จึงพึมพำว่านางไม่มีวันทรยศรักเขาแน่นอน ซู่ซู่เสียใจระคนโกรธวิ่งหนีไป ที่ปากประตูนางเห็นซู่ซู่ หลู่จื้อยิ่งอับอายวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว
เสี่ยวชวนได้บอกให้หลู่กงรับหลิวปังเป็นลูกเขย โดยเปิดโอกาสให้หลิวปังเข้ามาพูดจาสู่ขอ หลู่กงได้ฟังอุดมการณ์ของหลิวปังก็โดนใจ เสี่ยวชวนสนับสนุนหลิวปังเต็มที่ หลู่จื้อแอบได้ยินนึกเคืองอยู่ในใจ เมื่อเสี่ยวชวนออกไปแล้วจึงสอบถามบิดา นางทราบว่าหลิวปังมาสู่ขอนางแต่บิดานางยังไม่ยอมยกให้ หลู่จื้อบอกว่าไม่ยอมแต่งกับหลิวปังเพราะรักเสี่ยวชวน แต่หลู่กงบอกว่าในสภาพบ้านเมืองเช่นนี้ผู้ชายที่นางควรแต่งงานด้วยสมควรเป็นหลิวปังมากกว่า เพราะเป็นคนมีอุดมการณ์และสามารถเข้ามาในงานเลี้ยงได้ทั้ง ๆ ที่ไม่มีคุณสมบัติ อีกทั้งเสี่ยวชวนก็ช่วยเหลือเขาเต็มที่คนแบบนี้เรียกได้ว่ามีสติปัญญาและรู้จักใช้คน ส่วนเสี่ยวชวนมีแต่ปัญญาแต่ไม่มีกลเม็ดเด็ดพรายเหมือนหลิวปัง หลู่จื้อได้แต่ฟังไว้ แต่ในใจนางคิดถึงแต่เสี่ยวชวน
หลิวปังพยายามเข้ามาใกล้ชิดหลู่จื้อ แต่นางกลับสนใจมองหาแต่เสี่ยวชวน นางเห็นเสี่ยวชวนกับซู่ซู่ช่วยกันแขวนโคมไฟ นางรู้สึกหึงหวง แต่ไม่รู้จะทำอย่างไรเพราะเสี่ยวชวนไม่ยอมอยู่ใกล้ชิดนางอีกเลย เสี่ยวชวนรู้สึกตัวว่าท่าทางซู่ซู่จะชอบเขา เขาจึงคิดหาทางหนีไปจะดีกว่า หลิวปังเห็นหลู่จื้อสนใจแต่เสี่ยวชวนจึงหาทางกำจัดเสี้ยนหนามหัวใจ
หลิวปังหลอกพาเสี่ยวชวนไปเสียนหยาง(咸阳) พอดีสบใจเสี่ยวชวนที่อยากหนีไปพอดี เขาจะไปลาหลู่จื้อและซู่ซู่ตามมารยาท แต่หลู่กงไม่ยอมเพราะเริ่มรู้ว่าลูกสาวทั้งสองรักชายคนเดียวกันจึงออกปากขับไล่เสี่ยวชวนทางอ้อม เสี่ยวชวนจึงเก็บสัมภาระออกเดินทางตามหลิวปังและพรรคพวกไปเสียนหยางโดยไม่ได้เอ่ยคำอำลา
สองวันแล้วที่สองสาวงามไม่พบเห็นเสี่ยวชวน นางร้อนใจมาก จึงสอบถามหลู่กง ซู่ซู่รู้ความจริงว่าเสี่ยวชวนเดินทางไปเสียนหยางแล้ว เสี่ยวชวนเดินทางไปพร้อมหลิวปังซึ่งพยายามหาทางกำจัดเสี่ยวชวน แม้หลิวปังจะดีต่อพรรคพวกของตน แต่เมื่อเสี่ยวชวนเห็นโจรดักปล้นรถม้า เขาจึงโดดเข้าไปช่วยโดยที่หลิวปังงอมืองอเท้าไม่ยอมช่วยเหลือสักนิด ในใจหวังว่าเสี่ยวชวนจะถูกโจรฆ่าตาย จะได้กำจัดเสี้ยนหนามหัวใจไปได้โดยเร็ว
เสี่ยวชวนฝีมือดีปราบโจรได้สำเร็จ หันมาขอเสียงปรบมือ เขารู้สึกว่ามีใครบางคนกอดเขาจากด้านหลัง เมื่อหันไปดูจึงทราบว่าเป็นซู่ซู่ผู้หลงรักเขาและออกมาตามหานั่นเอง เสี่ยวชวนบอกซู่ซู่ว่าเขาไม่เคยรักนางเลย นางบอกว่านางได้ยินเขาบอกกับพี่สาวว่าเขารักนาง เสี่ยวชวนบอกว่าเขาหลอกกินหลอกนอนบ้านนางต่างหาก ซู่ซู่ได้ยินแล้วนอนร้องไห้ทั้งคืน เสี่ยวชวนนอนไม่หลับจึงแอบไปดูนางพบว่านางแขวนคอตาย เสี่ยวชวนช่วยนางจนฟื้นขึ้นมา
ตอนที่ 7
คืนนั้นเขาเริ่มกลุ้มใจที่สาวโบราณยุคฉินรักมั่นขนาดนี้ จึงหาทางหนี เขาหนีออกไป พบเห็นบ่อน้ำ รู้สึกกระหายจึงตักน้ำดื่ม บ่อน้ำนี้มีผ้าสีดำห้อยไว้ เสี่ยวชวนเอาผ้าดำมาแขวนคอแล้วผล็อยหลับไป เมื่อตื่นขึ้นมาตอนเช้าพบว่าร่างกายอ่อนแอ จนเดินไปไม่กี่ก้าวก็เจอหมู่บ้านร้างและล้มลง
รุ่งเช้าพวกหลิวปังและซู่ซู่ออกตามหาเสี่ยวชวน เห็นเขาสลบอยู่ปากทางเข้าหมู่บ้าน และเห็นผ้าสีดำที่เสี่ยวชวนแขวนคอไว้จึงทราบว่า เสี่ยวชวนดื่มน้ำในบ่อที่หมู่บ้านที่มีโรคระบาด(瘟疫)ดื่มกัน ผ้าดำเป็นสัญลักษณ์ของบ่อน้ำอันตรายที่มีโรคระบาด ซู่ซู่ขอให้หลิวปังช่วย หลิวปังสอบถามคนที่ผ่านไปมาว่าหมู่บ้านนี้มีโรคระบาดใช่หรือไม่ ชาวบ้านตอบว่าใช่ หลิวปังตกใจแต่ต่อหน้าซู่ซู่เขาให้คนมาช่วยกันหามเสี่ยวชวนไปหาหมอละแวกใกล้เคียง หมอลงชื่อเสี่ยวชวนเป็นคนตายแล้วเอาไปทิ้งไว้ในบ้านที่เก็บร่างผู้ป่วย ไม่ว่าตายหรือไม่ตายก็ปล่อยเอาไว้ด้วยกันแล้วล็อคกุญแจห้องไว้
ซู่ซู่ร้องไห้ขอให้หลิวปังช่วย แต่หลิวปังบอกให้นางกลับบ้านไปเสียเพราะเสี่ยวชวนติดโรคต้องตายอยู่แล้ว ซู่ซู่ดิ้นจากการฉุดดึงจะไปหาเสี่ยวชวน แต่ด้วยความเหน็ดเหนื่อยจึงสลบไป
พวกหลิวปังจะส่งนางกลับบ้านแต่เมื่อมองหาซู่ซู่กลับพบว่านางหายไป หลิวปังนึกว่านางกลับบ้านไปแล้วเพราะพวกเขาพานางออกมาห่างจากหมู่บ้านพอสมควร ซู่ซู่กลับไปหาเสี่ยวชวนและลากเขาออกมา นางพยายามหาหมอมารักษาเขา แต่หมอเหล่านั้นพอเห็นเสี่ยวชวนก็เตลิดหนีไปทุกราย
เสี่ยวชวนเจ็บหนักร่างกายอ่อนแอ เห็นซู่ซู่รักเขามากเช่นนี้จึงเห็นใจนางมาก เขาบอกความจริงนางและบอกว่าเขามาจากโลกอีก 2000 ปีให้หลัง เขาให้ซู่ซู่ดูรูปพ่อแม่กับต้าชวนที่ทานข้าวร่วมกันพร้อมหน้า เขาเล่าเรื่องของตนและบอกว่าคิดถึงบ้านและคิดถึงมะเขือผัดเทศไข่ฝีมือแม่มาก แม้ซู่ซู่จะไม่รู้จักมะเขือเทศนางพยายามหาเพื่อเอามาให้เขากิน
ที่ตลาดซู่ซู่ออกตามหาสิ่งที่เสี่ยวชวนบอกไปทั่ว จนมีคนแนะนำให้นางมาหาที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ที่นี่มีพ่อครัวประหลาดชอบทำอาหารแปลก ๆ เมื่อนางไปถามพ่อครัวผมยุ่งคนนั้น เขาได้ยินคำว่ามะเขือเทศ(番茄)ก็ตกใจระคนประหลาดใจ รีบถามนางว่าได้ยินคำนี้มาจากไหน นางบอกว่าสามีนางบอก พ่อครัวประหลาดถามชื่อสามีนาง นางบอกว่าชื่ออี้เสี่ยวชวน พ่อครัวผมยุ่งตกใจและรีบให้นางพาไปหาคนป่วยทันที
เมื่อมาถึงพ่อครัวผมยุ่งรีบเข้าไปหาเสี่ยวชวนและบอกว่าเขาคือเกาเย่า ไม่รู้ว่าหลงมาที่ประหลาดแบบนี้ได้อย่างไร ซู่ซู่บอกว่าเสี่ยวชวนอ่อนแอมาก เขาจะตายอยู่แล้ว เกาเย่าไม่ยอมให้เสี่ยวชวนตายจึงไปพาหมอประหลาดที่กำลังทานอาหารอยู่ในร้านมา หมอประหลาดผู้นี้โดนหามมาอย่างไม่เต็มใจนัก เขาแซ่ชุย และบอกว่ารักษาโรคแบบนี้ได้ โรคท้าทายแบบนี้รับรองไม่เก็บเงินสักบาท เกาเย่าและซู่ซู่ดีใจมาก ก่อนรักษาหมอชุยเห็นสีหน้าซู่ซู่จึงขอคุยกับนางเป็นการส่วนตัว
เมื่อทั้งสองกลับมา เกาเย่ารู้สึกประหลาดใจเพราะไม่รู้ว่าทั้งสองปลีกตัวกันไปคุยอะไร เขาห่วงแต่เรื่องรักษาเสี่ยวชวน ไม่ได้สอบถามอะไรมากมาย หมอชุยรักษาเสี่ยวชวนจนหาย เสี่ยวชวนรักษาสัญญาว่าหากหายดีจะแต่งงานกับซู่ซู่ เขารีบวิ่งไปหานางที่แม่น้ำ นางกำลังซักผ้าอยู่แต่สีหน้าซีดขาว
เสี่ยวชวนรู้สึกซึ้งใจมาก ตอนเขาป่วย นางฆ่าไก่มาทำน้ำแกง ป้อนเขา ดูแลเอาใจใส่เขา โดยไม่รังเกียจว่าเขาติดโรคระบาด ความรักของนางทำให้เสี่ยวชวนหาแหวนที่ทำจากดอกไม้มาสวมให้และขอนางแต่งงาน ซู่ซู่ฟังแล้วกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่แต่นางกลับสลบไปทันที
รุ่งเช้าพวกหลิวปังและซู่ซู่ออกตามหาเสี่ยวชวน เห็นเขาสลบอยู่ปากทางเข้าหมู่บ้าน และเห็นผ้าสีดำที่เสี่ยวชวนแขวนคอไว้จึงทราบว่า เสี่ยวชวนดื่มน้ำในบ่อที่หมู่บ้านที่มีโรคระบาด(瘟疫)ดื่มกัน ผ้าดำเป็นสัญลักษณ์ของบ่อน้ำอันตรายที่มีโรคระบาด ซู่ซู่ขอให้หลิวปังช่วย หลิวปังสอบถามคนที่ผ่านไปมาว่าหมู่บ้านนี้มีโรคระบาดใช่หรือไม่ ชาวบ้านตอบว่าใช่ หลิวปังตกใจแต่ต่อหน้าซู่ซู่เขาให้คนมาช่วยกันหามเสี่ยวชวนไปหาหมอละแวกใกล้เคียง หมอลงชื่อเสี่ยวชวนเป็นคนตายแล้วเอาไปทิ้งไว้ในบ้านที่เก็บร่างผู้ป่วย ไม่ว่าตายหรือไม่ตายก็ปล่อยเอาไว้ด้วยกันแล้วล็อคกุญแจห้องไว้
ซู่ซู่ร้องไห้ขอให้หลิวปังช่วย แต่หลิวปังบอกให้นางกลับบ้านไปเสียเพราะเสี่ยวชวนติดโรคต้องตายอยู่แล้ว ซู่ซู่ดิ้นจากการฉุดดึงจะไปหาเสี่ยวชวน แต่ด้วยความเหน็ดเหนื่อยจึงสลบไป
พวกหลิวปังจะส่งนางกลับบ้านแต่เมื่อมองหาซู่ซู่กลับพบว่านางหายไป หลิวปังนึกว่านางกลับบ้านไปแล้วเพราะพวกเขาพานางออกมาห่างจากหมู่บ้านพอสมควร ซู่ซู่กลับไปหาเสี่ยวชวนและลากเขาออกมา นางพยายามหาหมอมารักษาเขา แต่หมอเหล่านั้นพอเห็นเสี่ยวชวนก็เตลิดหนีไปทุกราย
เสี่ยวชวนเจ็บหนักร่างกายอ่อนแอ เห็นซู่ซู่รักเขามากเช่นนี้จึงเห็นใจนางมาก เขาบอกความจริงนางและบอกว่าเขามาจากโลกอีก 2000 ปีให้หลัง เขาให้ซู่ซู่ดูรูปพ่อแม่กับต้าชวนที่ทานข้าวร่วมกันพร้อมหน้า เขาเล่าเรื่องของตนและบอกว่าคิดถึงบ้านและคิดถึงมะเขือผัดเทศไข่ฝีมือแม่มาก แม้ซู่ซู่จะไม่รู้จักมะเขือเทศนางพยายามหาเพื่อเอามาให้เขากิน
ที่ตลาดซู่ซู่ออกตามหาสิ่งที่เสี่ยวชวนบอกไปทั่ว จนมีคนแนะนำให้นางมาหาที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ที่นี่มีพ่อครัวประหลาดชอบทำอาหารแปลก ๆ เมื่อนางไปถามพ่อครัวผมยุ่งคนนั้น เขาได้ยินคำว่ามะเขือเทศ(番茄)ก็ตกใจระคนประหลาดใจ รีบถามนางว่าได้ยินคำนี้มาจากไหน นางบอกว่าสามีนางบอก พ่อครัวประหลาดถามชื่อสามีนาง นางบอกว่าชื่ออี้เสี่ยวชวน พ่อครัวผมยุ่งตกใจและรีบให้นางพาไปหาคนป่วยทันที
เมื่อมาถึงพ่อครัวผมยุ่งรีบเข้าไปหาเสี่ยวชวนและบอกว่าเขาคือเกาเย่า ไม่รู้ว่าหลงมาที่ประหลาดแบบนี้ได้อย่างไร ซู่ซู่บอกว่าเสี่ยวชวนอ่อนแอมาก เขาจะตายอยู่แล้ว เกาเย่าไม่ยอมให้เสี่ยวชวนตายจึงไปพาหมอประหลาดที่กำลังทานอาหารอยู่ในร้านมา หมอประหลาดผู้นี้โดนหามมาอย่างไม่เต็มใจนัก เขาแซ่ชุย และบอกว่ารักษาโรคแบบนี้ได้ โรคท้าทายแบบนี้รับรองไม่เก็บเงินสักบาท เกาเย่าและซู่ซู่ดีใจมาก ก่อนรักษาหมอชุยเห็นสีหน้าซู่ซู่จึงขอคุยกับนางเป็นการส่วนตัว
เมื่อทั้งสองกลับมา เกาเย่ารู้สึกประหลาดใจเพราะไม่รู้ว่าทั้งสองปลีกตัวกันไปคุยอะไร เขาห่วงแต่เรื่องรักษาเสี่ยวชวน ไม่ได้สอบถามอะไรมากมาย หมอชุยรักษาเสี่ยวชวนจนหาย เสี่ยวชวนรักษาสัญญาว่าหากหายดีจะแต่งงานกับซู่ซู่ เขารีบวิ่งไปหานางที่แม่น้ำ นางกำลังซักผ้าอยู่แต่สีหน้าซีดขาว
เสี่ยวชวนรู้สึกซึ้งใจมาก ตอนเขาป่วย นางฆ่าไก่มาทำน้ำแกง ป้อนเขา ดูแลเอาใจใส่เขา โดยไม่รังเกียจว่าเขาติดโรคระบาด ความรักของนางทำให้เสี่ยวชวนหาแหวนที่ทำจากดอกไม้มาสวมให้และขอนางแต่งงาน ซู่ซู่ฟังแล้วกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่แต่นางกลับสลบไปทันที
|
พวกโจรกับลอร่าชิงไปที่หมู่บ้านก่อนเพื่อข่มขู่เอากุญแจกับคนแก่ที่ศาลเจ้าประจำหมู่บ้าน ซึ่งณ.ที่นี้มีรูปปั้นเทพสยบพยัคฆ์อยู่แต่หัวขาดหายไป ไม่ว่าพวกโจรจะขู่อย่างไรแต่คนแก่ก็นิ่งไม่สนใจ พวกต้าชวนกับชาวบ้านที่นำทางมาถึง พวกโจรปรากฏตัวแต่สวมหน้ากากออกมา ต้าชวนแม้จะไม่เก่งเรื่องการต่อยตี แต่ก็ออกมาช่วยคุ้มครองทุกคน เกาหลานฝีมือดีรับมือคนได้ตั้ง 3 คน เธอรู้สึกซาบซึ้งที่ต้าชวนคอยปกป้องแม้เขาจะสู้ไม่ได้ก็ตาม พวกโจรแย่งแผนที่จนแผนที่หล่นไปโดนเทียนและไหม้ไปจุดหนึ่ง ทั้งหมดต่อสู้กันอย่างดุเดือน ชาวบ้านหนุ่มรีบพาคนในหมู่บ้านมาสู้กับโจร โจรเห็นคนเยอะเลยต้องขับรถหนีไป โจรขับรถชนหมู่บ้านและชาวบ้านจนผู้คนต่างโกรธแค้นเป็นอย่างมาก
พวกต้าชวนคุยกับคนแก่ คนแก่ก็ยอมรับว่าเป็นทายาทธาตุไม้ และมีคำกลอนประจำตระกูลที่ท่องต่อกันมา แต่ต่างกับของคุณนายอี้ที่เขามีเพียงสองท่อนเท่านั้น ส่วนคุณนายอี้มีสี่ท่อน เมื่อท่องออกมาทั้งหมดก็ช่วยกันหาแหวนที่ซ่อนอยู่ในศาลาแห่งนี้ และก็หาเจอในที่สุด
คืนนั้นทุกคนพักที่ศาลประจำหมู่บ้าน ต้าชวนปูผ้าเตรียมนอน คุณนายอี้จะมาช่วยแต่เขาบอกว่าเขาทำจนชินแล้ว สองแม่ลูกมองหน้ากัน ต้าชวนถามว่าทำไมแม่จึงเลือกเลี้ยงเสี่ยวชวนแต่ทิ้งเขาไว้กับพ่อ แม่บอกว่าเพราะเสี่ยวชวนดื้อกว่า แม่ต้องเข้มงวดถึงจะให้เสี่ยวชวนได้ดี แต่ต้าชวนเป็นเด็กดีอยู่แล้ว ดูสิตอนนี้ก็เรียนเป็นด๊อกเตอร์แล้ว ต้าชวนบอกว่าเขาก็ต้องการความรักจากแม่เหมือนกัน เกาหลานมาได้ยินพอดี ต้าชวนบอกว่าพ่อแม่แยกทางกันนานแล้ว เขากับเสี่ยวชวนตั้งใจว่าจะสมานรอยร้าวของทั้งสองในวันไหว้พระจันทร์ แต่เสี่ยวชวนมาหายตัวไปเสียก่อน เกาหลานบอกว่าเธอจะช่วยทำแทนเสี่ยวชวนเอง
คืนนั้นคนแก่เล่าเรื่องของสถานที่นี้ให้ทุกคนฟัง แต่โบราณสถานที่นี้เป็นประเทศหนึ่งที่ชื่อว่าถูอันกั๋ว ย้อนสู่อดีต
ในยุคโบราณ……
เสี่ยวชวนและคนทั้งหลายถูกจับตัวไปยังถูอันกั๋ว พวกเขาถูกมอบให้เป็นของขวัญฉลองวันโตเป็นผู้ใหญ่ขององค์หญิงอวี้ซู่ องค์หญิงออกมาเริงระบำและรับของขวัญ เสี่ยวชวนและทุกคนตกตะลึงในรูปโฉมขององค์หญิง เขาไม่ลืมที่จะถ่ายคลิปองค์หญิงคนงามเอาไว้ด้วย ตามประเพณีองค์หญิงต้องฆ่าเหล่าทาสสังเวย แต่นางใจดีไม่ยอมทำ ท่านแม่ทัพเห็นนางใจอ่อนเลยสั่งฆ่าโดยปล่อยเสือออกมา เสี่ยวชวนร้องให้ผู้ชายปกป้องให้ผู้หญิงและเด็กอยู่ข้างในและยืนเป็นกลุ่มวงกลม ทุกคนกลัวเสือพากันถอยหนี เสี่ยวชวนทำใจดีสู้เสือ เขาจับสร้อยโบราณที่หน้าอกและภาวนาให้สร้อยช่วยเขาด้วย เสี่ยวชวนร้องข่มเสือเสียงดังจนเสือหลบกลับเข้าคอกไป
ทุกคนเรียกเสี่ยวชวนเป็นเทพเจ้าและทำความเคารพ องค์หญิงอวี้ซู่มองดูเขาอย่างมีความหมาย ทาสได้รับการปลดปล่อยไม่ล่ามโซ่แต่โดนกักตัวเอาไว้ ทุกคนมาขอบคุณเสี่ยวชวนและขอร้องให้พาหนี เสี่ยวชวนตอบตกลง ขณะกำลังหนีพวกเขาเจอท่านแม่ทัพสกัดไว้ แม่ทัพสั่งฆ่าทุกคนไม่ให้เหลือแม้แต่คนเดียว
ตอนที่ 12
เสี่ยวชวนรับคำท้าประลองเพื่อช่วยทุกคน
องค์หญิงอวี้ซู่ขี่ม้าเข้ามาขอชีวิตพวกนักโทษไว้ เสี่ยวชวนรู้สึกว่าองค์หญิงทั้งสวยทั้งใจดี ท่านแม่ทัพขอพนันต่อสู้กับเสี่ยวชวน เสี่ยวชวนรับคำท้า การต่อสู้มี 3 รอบ ประกอบไปด้วยการสู้ด้วยอาวุธ เสี่ยวชวนชนะในรอบแรก รอบสองยิงธนู โดยให้คนของแต่ละฝ่ายมารับธนูที่ยิง เสี่ยวชวนกลุ่มคนที่มากับเขาว่าไม่ต้องกลัว เขายิงแม่น แต่พอถึงคนที่มีลูกติด เขาค่อนข้างกลัว และทำให้เสี่ยวชวนยิงพลาดจนแพ้ในที่สุด
ตึกแล้ว เสี่ยวชวนนั่งคุยกับหัวหน้าผู้คุม เขายอมรับเสี่ยวชวนทั้งหัวใจ และบอกว่าที่คนอื่นๆ ยอมนับถือเสี่ยวชวนเพราะเขาคือคนที่สามารถช่วยชีวิตคนกลุ่มใหญ่ได้ หากมิใช่แล้วมีหรือที่จะพูดอะไรคนก็เชื่อได้ง่ายดายขนาดนี้ คืนนั้นคนลูกติดพ่อแม่ลูก โดนเพื่อน ๆ ตำหนิและไม่ยอมรับเข้าพวก เสี่ยวชวนช่วยพูดให้ทุกคนอย่าตั้งข้อรังเกียจครอบครัวนี้ จากนั้นทั้งหมดก็แยกย้ายกันเข้านอน
ตอนเช้าพบว่าครอบครัวนี้เสียใจต่อการทำให้เสี่ยวชวนยิงพลาดจึงผูกคอตายทั้งครอบครัว เสี่ยวชวนโกรธมาก เขาเห็นเด็กน้อยลูกชายของครอบครัวนี้ยังมีลมหายใจ จึงฝายปอดจนเด็กฟื้นคืนสติ เด็กร้องไห้ เสี่ยวชวนสงสารเด็กมากเข้าไปกอดเด็กน้อยไว้(ฉากนี้ซึ้งมาก เสี่ยวชวนกอดเด็กแบบปกป้องและทนุถนอม) ผู้หญิงในกลุ่มคนหนึ่งออกมาจากกลุ่มคนและบอกว่าจะรับเด็กไปเลี้ยงเอง เสี่ยวชวนนำศพพ่อแม่ของเด็กไปฝังในป่า ก่อหลุมฝังศพให้เป็นอย่างดี เขาสัญญาต่อหน้าหลุมศพว่าจะชนะการประลองครั้งที่ 3 เพื่อให้ทุกคนรอดชีวิตให้ได้ แต่อยู่ ๆ เขาก็รู้สึกง่วงอย่างประหลาดจนหลับใหลไปในทันที การประลองครั้งที่ 3 หรือครั้งสุดท้ายยังรอเขาอยู่แท้ ๆ.....................
คนไม่เอาถ่านในปี 2010 แต่กลับเป็นฮีโร่ในยุคฉิน
ในยุคปัจจุบัน
หลังจากเล่าเรื่องราวของเทพปราบพยัคฆ์แล้ว ผู้เฒ่าบอกว่า การประลองครั้งที่ 3 ไม่มีใครรู้ว่าผลเป็นอย่างไร เท่าที่รู้คือทุกคนรอดตายและตั้งรกรากกันที่ถูอันกั๋ว ทั้งยังได้ตั้งชื่อหมู่บ้านนี้ว่าฟู๋หู่ชุน(ปราบพยัคฆ์) พวกนักโทษเหล่านั้นได้สร้างรูปปั้นหินที่ศีรษะขาด นับไปแล้วก็ประมาณ 2000 ปีได้ ต้าชวนจดรายละเอียดทั้งหมดไว้ หัวหน้าอี้ดีใจที่ได้ข้อมูลของถูกอันกั๋ว เขาจะได้บันทึกไว้ให้ลูกหลานในภายหน้าได้อ่านกัน ต้าชวนบอกว่าจะบันทึกเป็นตำนานให้คนเล่าขานกันต่อไป เกาหลานเสนอให้เติมเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ ลงไปด้วย สาว ๆ จะชอบอ่านมาก ผู้เฒ่าขอตัวและบอกว่าหมดหน้าที่แล้ว คุณนายอี้บอกว่าอย่าลืมที่นัดแนะกันไว้ ผู้เฒ่าบอกว่าจะรอการติดต่อจากเธอ
เกาหลานขอตัวไปถ่ายรูปทิวทัศน์แถวนี้ เธอปีนขึ้นไปบนยอดเขา ถ่ายรูปเพลิน ๆ เม็มโมรี่ก็เต็ม ถ่ายไม่ได้อีก เธอโกรธที่ต้าชวนเอากล้องเธอไปถ่ายรูปโบราณวัตถุจนไม่มีที่เหลือเลย เธอกดดูรูปของพี่ชายและเสี่ยวชวนที่ค้างอยู่ในกล้อง จึงหยิบโทรศัพท์มือถือโทรหาพี่ชายแต่ก็ไม่มีสัญญาณตอบรับ เกาหลานร้องตะโกนหาทั้งสองลั่นหุบเขา เธอร้องไห้และตะโกนบอกให้พวกเขารีบกลับมา ที่ห่างไกลออกไปมีคนชุดดำใช้กล้องส่องทางไกลแอบมองดูเธออยู่
ในยุคโบราณ.....
คนชุดดำอีกคนหนึ่งก็ยืนมองดูเสี่ยวชวนที่สลบไสลอยู่เช่นกัน ไม่นานนักเสี่ยวชวนก็ตื่นขึ้นมา เข้าใจว่าคนชุดดำถูกท่านแม่ทัพส่งมา เขาจึงต่อว่ายกใหญ่ แต่เมื่อเปิดผ้าคลุมหัวออก ที่แท้เป็นองค์หญิงอวี้ซู่ที่มาบอกให้เสี่ยวชวนหนีไป เพราะไม่ว่าอย่างไร เสี่ยวชวนก็ไม่มีทางชนะในการประลองครั้งสุดท้ายแน่นอน องค์หญิงบอกว่าเสียดายเขา และหากเขาหนีไป ในอนาคตยังได้พบกัน เสี่ยวชวนเห็นองค์หญิงดีกับเขาอย่างนี้จึงทำตาม ยอมหนีไป แต่เมื่อไปถึงตีนเขา เขากลับวนกลับไปใหม่ ดีที่เขายังไม่ลงไป เพราะแม่ทัพรอตัดคอเขาอยู่ที่นั่น
เสี่ยวชวนกลับมาหาองค์หญิง เขาเด็ดดอกไม้ช่อใหญ่ติดมือมาฝากนางด้วย องค์หญิงรู้สึกประหลาดใจ แต่สุดท้ายก็เฉลยว่าเขาชนะการประลองแล้ว อุบายนี้เป็นการทดสอบจิตใจของเสี่ยวชวนว่าเป็นคนดีหรือไม่ ในเมื่อเสี่ยวชวนผ่านการทดสอบ คนทั้งหมดจึงรอดตาย เมื่อไม่รู้ว่าจะไปไหนต่อดี คนทั้งหมดจึงอยู่ตั้งรกรากที่ถูอันกั๋ว เสี่ยวชวนอยากเห็นหน้าองค์หญิงทุกวัน จึงอยู่ที่ถูอันกั๋วด้วยเช่นกัน
ท่านแม่ทัพรู้สึกถูกใจเสี่ยวชวน บอกว่าจะมาคุยกันอีก
เสี่ยวชวนขึ้นเขาไปตะโกนความในใจบอกว่าตัวเองเป็นฮี่โร่แล้ว ช่วยคนได้มากมายเหมือนก๊วยเจ๋ง เขาคิดถึงเกาหลานขึ้นมาเลยบอกว่าไม่เจอกันตั้งนาน อย่ามัวรอเขาเลย เลิกกันดีกว่า หากไม่ยอมมาปรากฏตัวเดี๋ยวนี้จะเลิกกันจริง ๆ แล้ว เขาร้องตะโกนเสียงดัง โยนไม้ในมือออกไปด้วยอารมณ์พลุ่งพล่าน ไม้นั้นได้ข้ามมิติไปยังปี 2010.......
ยุคปัจจุบัน
อยู่ ๆ เกาหลานก็สลบไป เธอตื่นขึ้นมาเพราะเหมือนได้ยินเสียงเรียกของใครบางคน และเสียงของอะไรบางอย่างตกลงในพงหญ้า เกาหลานมองไปรอบ ๆ พลางตะโกนถามว่ามีใครอยู่ไหม แต่ไม่มีเสียงตอบ เธอมองไปกลับเจอเรื่องที่น่าตกใจ กล้องของเธอวางอยู่บนกล่องโบราณล้ำค่าที่โดนพวกโจรชิงไป กล่องใบนี้ทำให้เกิดเรื่องประหลาดมากมาย เธอร้องอุทานด้วยความตกใจระคนดีใจ
ตอนที่ 13
เกาหลานนำกล่องโบราณกลับไปให้พวกต้าชวนดู และบอกว่าเธอขึ้นเขาไปถ่ายรูป อยู่ ๆ ก็รู้สึกง่วง หลับไป เมื่อตื่นขึ้นมาก็เจอกล่องโบราณแล้ว พวกต้าชวนรู้สึกประหลาดใจแต่ก็พอจะเดาถึงจุดประสงค์ของพวกโจรได้
คนชุดดำที่แอบมองเกาหลาน เป็นพวกเดียวกับลอร่า เขาบอกเธอว่าต้องใช้แผนตาอิน ตานา กับตาอยู่ ให้พวกต้าชวนหาทางเปิดกล่องให้ได้ โดยให้พวกต้าชวนติดต่อกับฝ่ายต่าง ๆ เหน็ดเหนื่อยหาทางเปิดกล่องโบราณ เมื่อเปิดได้แล้วพวกมันค่อยมาแย่งกลับไปก็ยังไม่สาย ลอร่าไม่ค่อยพอใจเพราะดูเหมือนคนชุดดำไม่ค่อยเชื่อฝีมือเธอ
พวกต้าชวนทราบจุดประสงค์ของพวกโจรรู้สึกว่าเป็นการดีเหมือนกัน เพราะจะได้หาทางเปิดกล่องโบราณโดยไม่มีคนมาขัดขวาง ทั้งหมดให้เอากุญแจมาลองเปิดกล่องดู คุณนายอี้จึงเอากุญแจของทายาทธาตุดินมาเปิด น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก กล่องโบราณเปิดออกมาจริง ๆ เมื่อเปิดออกทำให้เห็นภาพชั้นแรกด้านหนึ่งของกล่องเป็นภาพของเทพปราบพยัคฆ์ เมื่อเอากุญแจของทายาทธาตุดินมาเปิดออก แน่นอนกล่องชั้นแรกอีกด้านหนึ่งก็เปิดออกจริง ๆ ภาพที่ทุกคนเห็นเป็นภาพของกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งเหมือนกำลังเดินทางไปไหนสักแห่ง ต้าชวนบอกว่าเป็นขบวนพ่อค้า แต่เกาหลานบอกว่าเป็นขบวนทหาร คุณนายอี้บอกว่าไม่ต้องทะเลากัน ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม กล่องโบราณนี้ต้องบอกอะไรบางอย่าง แต่มันจะบอกอะไรกันแน่?
ในยุคโบราณ…..
แม่ทัพจินนั่งดื่มเหล้าคุยกับเสี่ยวชวน มีชาวบ้านมาบอกว่าองค์หญิงจะมาที่หมู่บ้าน แม่ทัพจินบอกว่ามาดื่มเหล้าดีกว่า แต่เสี่ยวชวนบอกว่านาน ๆ ได้เจอองค์หญิงสักครั้งจึงรีบวิ่งไปดู ที่แท้แล้วองค์หญิงมาแจกสัตว์ป่าที่ล่าได้ในวันนี้ให้แก่พวกชาวบ้าน เสี่ยวชวนแอบมององค์หญิงอยู่และไม่ลืมที่จะถ่ายคลิปด้วยมือถือ องค์หญิงรู้สึกตัวว่ามีคนจ้องมอง จึงมองมาทางเสี่ยวชวน เสี่ยวชวนพบว่าแม่ทัพจินที่อยู่ข้าง ๆ ก็มององค์หญิงตาไม่กระพริบ เสี่ยวชวนแซวแม่ทัพจินว่าต้องมีอะไรผิดปรกติแน่
องค์หญิงกลับวังไป พบว่านางต้องไปแต่งงานกับเจ้ารัฐฉินเพื่อดองสัมพันธ์อันดีต่อกัน องค์หญิงอวี้ซู่จำต้องทำตามเพื่อสันติของประเทศ วันนั้นเององค์หญิงแต่งตัวสวยงามพร้อมด้วยข้าราชบริพารจำนวนหนึ่งออกเดินทางทันที
เสี่ยวชวนทราบข่าวการแต่งงานขององค์หญิงจากป้ายประกาศในตลาด เขาร้อนใจมาก แม่ทัพจินก็ร้อนใจพอ ๆ กัน เขาเรียกให้เสี่ยวชวนมากระทำการบางอย่างที่เสี่ยงภัย เสี่ยวชวนตกลงทันที ขบวนขององค์หญิงเริ่มออกเดินทางจนมาถึงเขตชายแดน ทหารฉินมารอรับอยู่แล้ว
หัวหน้าทหารฉินมององค์หญิงด้วยความตกตะลึง นางงดงามหยาดฟ้ามาดิน ยิ่งผ่านการตกแต่งประทินโฉมยิ่งงามหาที่ติมิได้ ระหว่างนั้นเอง เสี่ยวชวนและแม่ทัพจินตามมาจนทันพอดี แม่ทัพจินรีบเข้าไปต่อสู้ชิงตัวองค์หญิง เสี่ยวชวนเข้าตะลุมบอนด้วย
ด้วยฝีมือรบที่เก่งกาจ แม่ทัพจินเข้าถึงตัวองค์หญิงและบังคับรถม้าขับหนีไป องค์หญิงตกใจมาก ไม่ทราบว่าผู้มาเป็นใครจึงพยายามขัดขืน แม่ทัพจินเปิดผ้าคลุมหน้าให้ดู องค์หญิงบอกว่านางต้องไป เพราะหากไม่ไปประเทศจะมีภัย แม่ทัพจินสารภาพความจริงว่าเขารักนาง องค์หญิงตกตะลึงไม่นึกว่าแม่ทัพจินจะหน้ามืดไม่ฟังใครเช่นนี้ นางไม่ต้องการให้ประเทศชาติตกอยู่ในอันตรายจึงหยิบของแข็ง ๆ ในรถตีหัวเขาจนสลบร่วงจากรถม้าไป
รถม้าไม่มีคนบังคับจึงแล่นไปอย่างไร้ทิศทาง องค์หญิงพยายามบังคับรถม้าแต่เอาไม่อยู่ เสี่ยวชวนที่กำลังต่อสู้กับหัวหน้าทหารฉินเห็นเข้าจึงรีบวิ่งเข้าไปช่วย พวกเขาทุ่มเทเรี่ยวแรงวิ่งตามรถม้าเพราะเห็นรถม้ากำลังแล่นเลียบไปกับหน้าผา หากตกลงไปต้องมีอันตรายถึงแก่ชีวิตอย่างไม่ต้องสงสัย หทารฉินก็เข้ามาแย่งกันช่วย
เสี่ยวชวนกับทหารฉินสู้กันอย่างดุเดือด ทั้งสองหยุดรถม้าได้และสู้กันต่อ องค์หญิงอยู่ในรถม้ามองด้วยความงุนงง นางลงจากรถมาดูการต่อสู้ของคนทั้งสอง รถม้าอยู่ในพื้นที่สูงจึงลื่นไถลลงมา องค์หญิงมองไม่เห็นรถม้าข้างหลัง แต่สองคนมองเห็นจึงรีบวิ่งเข้าไปช่วยองค์หญิง รถกระแทกคนทั้งสามจนตกลงไปในหน้าผาและร่วมลงในแควน้ำทั้ง 3 คน
เวลาผ่านไป องค์หญิงขึ้นจากแควน้ำก่อน นางพบว่าเสี่ยวชวนสลบไป ข้าง ๆ นายทหารฉินก็อาการสาหัสไม่แพ้กัน เขายังไม่ได้สติเช่นเดียวกับเสี่ยวชวน องค์หญิงช่วยทั้งสองไปพักที่ใต้ชะง่อนหินบริเวณใกล้เคียง และเรียกเสี่ยวชวนว่า “อี้เซียนเซิง”(คุณอี้) แต่เสี่ยวชวนไม่รู้สึกตัว นางรู้สึกซาบซึ้งใจที่ทั้งสองยอมสละชีวิตช่วยนาง นางจับปลาในลำธารและตักน้ำมา คอยดูแลทั้งสองเป็นการตอบแทน เสี่ยวชวนฟื้นขึ้นมาก่อน พบว่าองค์หญิงดูแลเขาอย่างดี เสี่ยวชวนรู้สึกขอบคุณนางมาก องค์หญิงบอกว่าไม่ต้องขอบคุณนาง ให้เสี่ยวชวนจงมีชีวิตอยู่ต่อไปดี ๆ ก็พอแล้ว ทั้งสองให้เรียกหาชื่อของกันและกันดีกว่าคำยกย่องที่เรียกหากันประจำ
ตอนนั้นเองทหารฉินก็ฟื้น เสี่ยวชวนถามว่า คนนี้มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ทหารฉินเห็นองค์หญิงรีบก้มหน้าไม่กล้ามอง ไม่กล้าแตะต้องถูกตัว แต่องค์หญิงบอกว่าอย่าคิดอย่างนั้น เขาช่วยนางมีพระคุณต่อนาง หทารฉินบอกขอบคุณ องค์หญิงบอกว่าจะไปหายามารักษาพวกเขา ให้ทั้งสองรออยู่ทนี่นี่
ทหารฉินชื่อว่าเมิ่งเถียน(蒙恬)เป็นแม่ทัพของรัฐฉิน เขาทะเลาะกับเสี่ยวชวนเพราะไม่ชอบให้เสี่ยวชวนจ้องมององค์หญิง เสี่ยวชวนไม่ยอมทั้งสองจึงต่อยตีกันจนเสื้อเสี่ยวชวนเปิดออกเมิ่งเถียนเห็นว่าที่หน้าอกของเสี่ยวชวนมีรอยประทับพยัคฆ์อยู่ เขาดีใจมากและเรียกเสี่ยวชวนเป็นน้องชาย
หมายเหตุประวัติศาสตร์
เมิ่งเถียน(蒙恬) :เป็นนายทหารผู้ควบคุมการสร้างกำแพงเมืองจีน
เสี่ยวชวนงง บอกว่าต้าชวนต่างหากที่เป็นพี่ชายเขาและหน้าตาก็ไม่เห็นจะเหมือนเมิ่งเถียนตรงไหน เมิ่งเถียนยืนยันและบอกว่ารอยประทับพยัคฆ์เป็นหลักฐาน เขาแบะอกเสื้อให้ดูว่าตัวเขาก็มีรอยประทับประจำตระกูลที่เหมือนกันเด๊ะ เสี่ยวชวนรีบปฎิเสธ บอกว่าความจริงถูกสร้อยที่อยู่ ๆ ก็ร้อนนาบจนเกิดรอยไม่ใช่รอยประจำตระกูลอะไรเสียหน่อย เขาสอบถามว่ามาจากปี 2010 ปีนี้อายุ 26 เมิ่งเถียนพอจะรู้วิธีให้เขากลับไปได้หรือเปล่า เมิ่งเถียนยิ่งดีใจกว่าเดิม เพราะเมิ่งอี้(蒙毅) น้องชายของเขาหายสาบสูญไปตอนอายุ 5 ขวบ หายไป 21 ปี ปีนี้อายุ 26 ปีพอดี เมิ่งเถียนปักใจว่าเสี่ยวชวนเป็นเมิ่งอี้น้องชายของเขาแน่นอน เขารีบขอบคุณวิญญาณบิดาบนสวรรค์ที่บันดาลให้เขาพบน้องชายแล้ว เขาบอกให้เสี่ยวชวนกราบขอบคุณด้วย แต่มีหรือที่เสี่ยวชวนจะเล่นด้วย
ทั้งสองทะเลาะกันอีก องค์หญิงมาห้ามพอดี รีบห้ามทั้งสองไม่ให้ต่อสู้กัน ทั้งสองจำใจหยุด องค์หญิงบอกว่าจะต้องไปแต่งงานเพื่อรักษาความสงบของถูอันกั๋ว แต่นางชักชวนให้เสี่ยวชวนไปกับนางด้วย แม้เสี่ยวชวนจะไม่ชอบเมิ่งเถียนแต่เขาไม่อยากปฎิเสธองค์หญิงเลย
ทั้งสามไปจับปลาด้วยกัน เมิ่งเถียนวางท่าไม่ยอมไปจับปลาด้วย แต่เมื่อทั้งสองจับปลากินเวลามากเกิน เมิ่งเถียนจึงแสดงฝีมือจับปลาได้ฝูงใหญ่ด้วยวิชากระบอกตระกูลเมิ่ง เสี่ยวชวนแอบจำไว้และเรียนรู้เพลงกระบองของตระกูลเมิ่งที่เมิ่งเถียนบอกว่าเป็นสุดยอด แต่ปากเสี่ยวชวนบอกว่าไปใครจะไปเชื่อ เพลงทวนตระกูลหยางเจ๋งกว่า ไม่เห็นจะอยากเรียนเลย ทั้งหมดเดินทางไปสู่รัฐฉินด้วยกัน ระหว่างทางความสนิทสนมของทั้งสามยิ่งเพิ่มพูน
คนชุดดำที่แอบมองเกาหลาน เป็นพวกเดียวกับลอร่า เขาบอกเธอว่าต้องใช้แผนตาอิน ตานา กับตาอยู่ ให้พวกต้าชวนหาทางเปิดกล่องให้ได้ โดยให้พวกต้าชวนติดต่อกับฝ่ายต่าง ๆ เหน็ดเหนื่อยหาทางเปิดกล่องโบราณ เมื่อเปิดได้แล้วพวกมันค่อยมาแย่งกลับไปก็ยังไม่สาย ลอร่าไม่ค่อยพอใจเพราะดูเหมือนคนชุดดำไม่ค่อยเชื่อฝีมือเธอ
พวกต้าชวนทราบจุดประสงค์ของพวกโจรรู้สึกว่าเป็นการดีเหมือนกัน เพราะจะได้หาทางเปิดกล่องโบราณโดยไม่มีคนมาขัดขวาง ทั้งหมดให้เอากุญแจมาลองเปิดกล่องดู คุณนายอี้จึงเอากุญแจของทายาทธาตุดินมาเปิด น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก กล่องโบราณเปิดออกมาจริง ๆ เมื่อเปิดออกทำให้เห็นภาพชั้นแรกด้านหนึ่งของกล่องเป็นภาพของเทพปราบพยัคฆ์ เมื่อเอากุญแจของทายาทธาตุดินมาเปิดออก แน่นอนกล่องชั้นแรกอีกด้านหนึ่งก็เปิดออกจริง ๆ ภาพที่ทุกคนเห็นเป็นภาพของกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งเหมือนกำลังเดินทางไปไหนสักแห่ง ต้าชวนบอกว่าเป็นขบวนพ่อค้า แต่เกาหลานบอกว่าเป็นขบวนทหาร คุณนายอี้บอกว่าไม่ต้องทะเลากัน ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม กล่องโบราณนี้ต้องบอกอะไรบางอย่าง แต่มันจะบอกอะไรกันแน่?
ในยุคโบราณ…..
แม่ทัพจินนั่งดื่มเหล้าคุยกับเสี่ยวชวน มีชาวบ้านมาบอกว่าองค์หญิงจะมาที่หมู่บ้าน แม่ทัพจินบอกว่ามาดื่มเหล้าดีกว่า แต่เสี่ยวชวนบอกว่านาน ๆ ได้เจอองค์หญิงสักครั้งจึงรีบวิ่งไปดู ที่แท้แล้วองค์หญิงมาแจกสัตว์ป่าที่ล่าได้ในวันนี้ให้แก่พวกชาวบ้าน เสี่ยวชวนแอบมององค์หญิงอยู่และไม่ลืมที่จะถ่ายคลิปด้วยมือถือ องค์หญิงรู้สึกตัวว่ามีคนจ้องมอง จึงมองมาทางเสี่ยวชวน เสี่ยวชวนพบว่าแม่ทัพจินที่อยู่ข้าง ๆ ก็มององค์หญิงตาไม่กระพริบ เสี่ยวชวนแซวแม่ทัพจินว่าต้องมีอะไรผิดปรกติแน่
องค์หญิงกลับวังไป พบว่านางต้องไปแต่งงานกับเจ้ารัฐฉินเพื่อดองสัมพันธ์อันดีต่อกัน องค์หญิงอวี้ซู่จำต้องทำตามเพื่อสันติของประเทศ วันนั้นเององค์หญิงแต่งตัวสวยงามพร้อมด้วยข้าราชบริพารจำนวนหนึ่งออกเดินทางทันที
เสี่ยวชวนทราบข่าวการแต่งงานขององค์หญิงจากป้ายประกาศในตลาด เขาร้อนใจมาก แม่ทัพจินก็ร้อนใจพอ ๆ กัน เขาเรียกให้เสี่ยวชวนมากระทำการบางอย่างที่เสี่ยงภัย เสี่ยวชวนตกลงทันที ขบวนขององค์หญิงเริ่มออกเดินทางจนมาถึงเขตชายแดน ทหารฉินมารอรับอยู่แล้ว
หัวหน้าทหารฉินมององค์หญิงด้วยความตกตะลึง นางงดงามหยาดฟ้ามาดิน ยิ่งผ่านการตกแต่งประทินโฉมยิ่งงามหาที่ติมิได้ ระหว่างนั้นเอง เสี่ยวชวนและแม่ทัพจินตามมาจนทันพอดี แม่ทัพจินรีบเข้าไปต่อสู้ชิงตัวองค์หญิง เสี่ยวชวนเข้าตะลุมบอนด้วย
ด้วยฝีมือรบที่เก่งกาจ แม่ทัพจินเข้าถึงตัวองค์หญิงและบังคับรถม้าขับหนีไป องค์หญิงตกใจมาก ไม่ทราบว่าผู้มาเป็นใครจึงพยายามขัดขืน แม่ทัพจินเปิดผ้าคลุมหน้าให้ดู องค์หญิงบอกว่านางต้องไป เพราะหากไม่ไปประเทศจะมีภัย แม่ทัพจินสารภาพความจริงว่าเขารักนาง องค์หญิงตกตะลึงไม่นึกว่าแม่ทัพจินจะหน้ามืดไม่ฟังใครเช่นนี้ นางไม่ต้องการให้ประเทศชาติตกอยู่ในอันตรายจึงหยิบของแข็ง ๆ ในรถตีหัวเขาจนสลบร่วงจากรถม้าไป
รถม้าไม่มีคนบังคับจึงแล่นไปอย่างไร้ทิศทาง องค์หญิงพยายามบังคับรถม้าแต่เอาไม่อยู่ เสี่ยวชวนที่กำลังต่อสู้กับหัวหน้าทหารฉินเห็นเข้าจึงรีบวิ่งเข้าไปช่วย พวกเขาทุ่มเทเรี่ยวแรงวิ่งตามรถม้าเพราะเห็นรถม้ากำลังแล่นเลียบไปกับหน้าผา หากตกลงไปต้องมีอันตรายถึงแก่ชีวิตอย่างไม่ต้องสงสัย หทารฉินก็เข้ามาแย่งกันช่วย
เสี่ยวชวนกับทหารฉินสู้กันอย่างดุเดือด ทั้งสองหยุดรถม้าได้และสู้กันต่อ องค์หญิงอยู่ในรถม้ามองด้วยความงุนงง นางลงจากรถมาดูการต่อสู้ของคนทั้งสอง รถม้าอยู่ในพื้นที่สูงจึงลื่นไถลลงมา องค์หญิงมองไม่เห็นรถม้าข้างหลัง แต่สองคนมองเห็นจึงรีบวิ่งเข้าไปช่วยองค์หญิง รถกระแทกคนทั้งสามจนตกลงไปในหน้าผาและร่วมลงในแควน้ำทั้ง 3 คน
เวลาผ่านไป องค์หญิงขึ้นจากแควน้ำก่อน นางพบว่าเสี่ยวชวนสลบไป ข้าง ๆ นายทหารฉินก็อาการสาหัสไม่แพ้กัน เขายังไม่ได้สติเช่นเดียวกับเสี่ยวชวน องค์หญิงช่วยทั้งสองไปพักที่ใต้ชะง่อนหินบริเวณใกล้เคียง และเรียกเสี่ยวชวนว่า “อี้เซียนเซิง”(คุณอี้) แต่เสี่ยวชวนไม่รู้สึกตัว นางรู้สึกซาบซึ้งใจที่ทั้งสองยอมสละชีวิตช่วยนาง นางจับปลาในลำธารและตักน้ำมา คอยดูแลทั้งสองเป็นการตอบแทน เสี่ยวชวนฟื้นขึ้นมาก่อน พบว่าองค์หญิงดูแลเขาอย่างดี เสี่ยวชวนรู้สึกขอบคุณนางมาก องค์หญิงบอกว่าไม่ต้องขอบคุณนาง ให้เสี่ยวชวนจงมีชีวิตอยู่ต่อไปดี ๆ ก็พอแล้ว ทั้งสองให้เรียกหาชื่อของกันและกันดีกว่าคำยกย่องที่เรียกหากันประจำ
ตอนนั้นเองทหารฉินก็ฟื้น เสี่ยวชวนถามว่า คนนี้มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ทหารฉินเห็นองค์หญิงรีบก้มหน้าไม่กล้ามอง ไม่กล้าแตะต้องถูกตัว แต่องค์หญิงบอกว่าอย่าคิดอย่างนั้น เขาช่วยนางมีพระคุณต่อนาง หทารฉินบอกขอบคุณ องค์หญิงบอกว่าจะไปหายามารักษาพวกเขา ให้ทั้งสองรออยู่ทนี่นี่
ทหารฉินชื่อว่าเมิ่งเถียน(蒙恬)เป็นแม่ทัพของรัฐฉิน เขาทะเลาะกับเสี่ยวชวนเพราะไม่ชอบให้เสี่ยวชวนจ้องมององค์หญิง เสี่ยวชวนไม่ยอมทั้งสองจึงต่อยตีกันจนเสื้อเสี่ยวชวนเปิดออกเมิ่งเถียนเห็นว่าที่หน้าอกของเสี่ยวชวนมีรอยประทับพยัคฆ์อยู่ เขาดีใจมากและเรียกเสี่ยวชวนเป็นน้องชาย
หมายเหตุประวัติศาสตร์
เมิ่งเถียน(蒙恬) :เป็นนายทหารผู้ควบคุมการสร้างกำแพงเมืองจีน
เสี่ยวชวนงง บอกว่าต้าชวนต่างหากที่เป็นพี่ชายเขาและหน้าตาก็ไม่เห็นจะเหมือนเมิ่งเถียนตรงไหน เมิ่งเถียนยืนยันและบอกว่ารอยประทับพยัคฆ์เป็นหลักฐาน เขาแบะอกเสื้อให้ดูว่าตัวเขาก็มีรอยประทับประจำตระกูลที่เหมือนกันเด๊ะ เสี่ยวชวนรีบปฎิเสธ บอกว่าความจริงถูกสร้อยที่อยู่ ๆ ก็ร้อนนาบจนเกิดรอยไม่ใช่รอยประจำตระกูลอะไรเสียหน่อย เขาสอบถามว่ามาจากปี 2010 ปีนี้อายุ 26 เมิ่งเถียนพอจะรู้วิธีให้เขากลับไปได้หรือเปล่า เมิ่งเถียนยิ่งดีใจกว่าเดิม เพราะเมิ่งอี้(蒙毅) น้องชายของเขาหายสาบสูญไปตอนอายุ 5 ขวบ หายไป 21 ปี ปีนี้อายุ 26 ปีพอดี เมิ่งเถียนปักใจว่าเสี่ยวชวนเป็นเมิ่งอี้น้องชายของเขาแน่นอน เขารีบขอบคุณวิญญาณบิดาบนสวรรค์ที่บันดาลให้เขาพบน้องชายแล้ว เขาบอกให้เสี่ยวชวนกราบขอบคุณด้วย แต่มีหรือที่เสี่ยวชวนจะเล่นด้วย
ทั้งสองทะเลาะกันอีก องค์หญิงมาห้ามพอดี รีบห้ามทั้งสองไม่ให้ต่อสู้กัน ทั้งสองจำใจหยุด องค์หญิงบอกว่าจะต้องไปแต่งงานเพื่อรักษาความสงบของถูอันกั๋ว แต่นางชักชวนให้เสี่ยวชวนไปกับนางด้วย แม้เสี่ยวชวนจะไม่ชอบเมิ่งเถียนแต่เขาไม่อยากปฎิเสธองค์หญิงเลย
ทั้งสามไปจับปลาด้วยกัน เมิ่งเถียนวางท่าไม่ยอมไปจับปลาด้วย แต่เมื่อทั้งสองจับปลากินเวลามากเกิน เมิ่งเถียนจึงแสดงฝีมือจับปลาได้ฝูงใหญ่ด้วยวิชากระบอกตระกูลเมิ่ง เสี่ยวชวนแอบจำไว้และเรียนรู้เพลงกระบองของตระกูลเมิ่งที่เมิ่งเถียนบอกว่าเป็นสุดยอด แต่ปากเสี่ยวชวนบอกว่าไปใครจะไปเชื่อ เพลงทวนตระกูลหยางเจ๋งกว่า ไม่เห็นจะอยากเรียนเลย ทั้งหมดเดินทางไปสู่รัฐฉินด้วยกัน ระหว่างทางความสนิทสนมของทั้งสามยิ่งเพิ่มพูน
ตอนที่ 14
องค์หญิงและเสี่ยวชวนจับกระต่ายมาประกอบอาหาร เสี่ยวชวนสอนให้องค์หญิงและเหมิงเถียนใช้ช้อน ส้อม และมีดในการตัดเนื้อ ทั้งสองทำตามและรู้สึกว่าเรื่องที่เสี่ยวชวนให้ทำน่าสนใจดี ระหว่างทางเหมิงเถียนเห็นองค์หญิงมีความสุขมาก ด้วยความงามขององค์หญิงไม่ว่าอยู่ในท่วงท่าใดทำให้เขามองตาค้าง
องค์หญิงกับเสี่ยวชวนสนิทสนมกันมาก เหมิงเถียนมองดูอยู่ห่าง ๆ เมื่อมาถึงนครเสียนหยางแล้ว องค์หญิงบอกว่ายังไม่เข้าไป ขอให้ทั้งหมดพักกันหน้าประตูเมืองหนึ่งคืนก่อน เหมิงเถียนรับบัญชา เสี่ยวชวนเกลี้ยกล่อมองค์หญิงให้ล้มเลิกความตั้งใจ องค์หญิงบอกว่านางต้องการเก็บความทรงจำของนางและเขาไว้ และคิดถึงมันตลอดชีวิต เสี่ยวชวนบอกว่าในเมื่อรู้ตัวว่าต้องทุกข์ตลอดชีวิต ทำไมยังต้องทำ องค์หญิงบอกว่านางไม่มีทางเลือก และขอร้องให้เสี่ยวชวนไปจากนางเสีย เพราะสิ่งที่เขารับปากนาง เขาทำให้ลุล่วงแล้วองค์หญิงบอกว่าต่อไปไม่อาจพบหน้ากันอีก นางรู้สึกดีใจที่ได้เจอเขา และจะเก็บความก่อนจากกันองค์หญิงขอให้เสี่ยวชวนร้องเพลงอำลานางสักเพลง เสี่ยวชวนนั่งลง และค่อย ๆ ร้องเพลง เพลงนี้ “ความทรงจำอันงดงาม”
องค์หญิงกับเสี่ยวชวนสนิทสนมกันมาก เหมิงเถียนมองดูอยู่ห่าง ๆ เมื่อมาถึงนครเสียนหยางแล้ว องค์หญิงบอกว่ายังไม่เข้าไป ขอให้ทั้งหมดพักกันหน้าประตูเมืองหนึ่งคืนก่อน เหมิงเถียนรับบัญชา เสี่ยวชวนเกลี้ยกล่อมองค์หญิงให้ล้มเลิกความตั้งใจ องค์หญิงบอกว่านางต้องการเก็บความทรงจำของนางและเขาไว้ และคิดถึงมันตลอดชีวิต เสี่ยวชวนบอกว่าในเมื่อรู้ตัวว่าต้องทุกข์ตลอดชีวิต ทำไมยังต้องทำ องค์หญิงบอกว่านางไม่มีทางเลือก และขอร้องให้เสี่ยวชวนไปจากนางเสีย เพราะสิ่งที่เขารับปากนาง เขาทำให้ลุล่วงแล้วองค์หญิงบอกว่าต่อไปไม่อาจพบหน้ากันอีก นางรู้สึกดีใจที่ได้เจอเขา และจะเก็บความก่อนจากกันองค์หญิงขอให้เสี่ยวชวนร้องเพลงอำลานางสักเพลง เสี่ยวชวนนั่งลง และค่อย ๆ ร้องเพลง เพลงนี้ “ความทรงจำอันงดงาม”
ทุกคืนโดนความเจ็บปวดปลุกให้ตื่น
ความคิดถึงก็ไม่มีจุดจบสิ้น
ชาชินกับการอยู่เพียงลำพัง
แต่ยังคงต้องยิ้มสู้ จงเชื่อใจข้า
หากเจ้าเลือกที่จะรอ
ต่อให้ต้องเจ็บปวดเพียงไหน
ข้าก็จะไม่มีวันหลีกหนี
มีแต่ความอ่อนโยนของเจ้าเท่านั้น
ที่สามารถปลอบโยนหัวใจอันเปล่าเปลี่ยวร้าวราน.........
เสี่ยวชวนร้องเพลงที่มีเนื้อหาเศร้าสร้อย องค์หญิงนิ่งฟังแล้วซบลงบนไหล่ของเขา ต่างรับทราบความในใจของกันอย่างชัดเจนในคืนอันหนาวเหน็บนอกกำแพงเมืองเสียนหยาง เหมิงเถียนได้แต่มองดูโดยไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว
เช้าแล้ว ถึงเวลาที่ต้องจากกัน องค์หญิงกลับมาแต่งตัวสูงศักดิ์ดังเดิม นางเผลอโดนไม้ตำนิ้วจนเลือดไหล เสี่ยวชวนหาผ้ามาพันแผลให้ แต่องค์หญิงบอกว่าไม่ต้อง นางต้องการรับทราบความเจ็บปวดนี้ เสี่ยวชวนมองดูเงาหลังของนางและเหมิงเถียนที่เล็กลงทุก ๆ ทีขณะเดินจากไปด้วยความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย ทั้งสองเดินลึกเข้าไปในวังหลวง........หนทางที่ทอดยาวไปสู่ชะตากรรมที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง...
ยุคปัจจุบัน
ที่ศูนย์วิจัยโบราณคดี หัวหน้าอี้เรียกทุกคนมาและเอาแผนที่ซึ่งโดนไฟไหม้ไปเมื่อครั้งก่อนให้ทุกคนดู ตอนนี้มันกลับสู่สภาพเดิมด้วยวิทยาการสมัยใหม่ ทั้งหมดพบว่าจุดที่โดนไฟไหม้ไปคือเวิ้งน้ำใหญ่ประมาณทะเลสาบ ซึ่งหัวหน้าอี้บอกว่าวิธีการทำแผนที่ของโบราณกับของใหม่ที่ลอกมาอาจทำให้เกิดความผิดพลาดได้เหมือนกัน คนทั้งหมดไม่ทราบว่าทะเลสาบแห่งนี้หมายถึงอะไร
ด้านลอร่า เธอกำลังเถียงกับคนชุดดำว่าพวกต้าชวนคลายปริศนาไม่ได้เรื่อง ตอนนี้ไม่มีเบาะแสอะไรให้หาต่อแล้ว แต่คนชุดดำสอนลอร่าว่า อย่าได้ดูถูกศัตรูของตนเอง เพราะนี่เป็นประสบการณ์ที่เขาได้พิสูจน์มาตลอดชีวิตแล้ว ขอให้รอดูต้าชวนและตาแก่สองคนนี้ต่อไป
เกาหลาน แอบอ่านนิยายที่ต้าชวนแต่ง เธอรู้สึกว่าเขาเขียนได้ดีมาก แม้เขาจะไม่เคยมีความรัก เธอเริ่มรู้สึกนับถือความเก่งกาจของเขาในหลาย ๆ ด้าน และบอกว่าเธอก็จะเขียนบ้าง เขียนให้เจ๋งกว่าเขาอีก จากนั้นก็เริ่มลงมือเขียนเรื่อง “ลาก่อนถูอัน” เริ่มด้วยประโยคที่ว่า
“นางเป็นองค์หญิงรัฐถูอัน เก่งด้านการร้องรำทำเพลง มีสติปัญญาเลิศล้ำเหนือผู้คน....................
กลับไปสู่ยุคฉิน นิยายรักที่นี่ก็กำลังเข้มข้นเช่นกัน
เหมิงเถียนพาองค์หญิงไปเข้าเฝ้าฉินสื่อหวง(จิ๋นซี) พระองค์พอใจมากเมื่อเห็นโฉมหน้าของนางชัด ๆ จึงแต่งตั้งนางเป็น “อวี้เหม่ยเหริน” (玉美人นางงามอวี้(หยก)) ข้าราชบริพารไม่พอใจ บอกว่านางเป็นองค์หญิงจากบ้านป่าเมืองเถื่อน จะได้ตำแหน่งสูง ๆ ในรัฐที่มีอารยธรรมสูงส่งได้อย่างไร นางต้องพิสูจน์ตัวเองก่อนว่ามีวัฒนธรรมสูงส่งหรือไม่ เรื่องดนตรีเก่งกาจเพียงใด
องค์หญิงอวี้ซู่(玉漱)ผู้เลอโฉม
จิ๋นซีรับสั่งว่าให้นางพักผ่อนก่อน เพิ่งเดินทางมาเหน็ดเหนื่อย แต่นางบอกว่าไม่เหนื่อยสามารถแสดงให้ทุกท่านดูได้เลยในขณะนี้ หลังจากเตรียมตัว ทุกคนรอดูด้วยใจจดจ่อ อวี้ซู่เปลี่ยนเป็นชุดสีขาว แขนเสื้อปล่อยยาว สะบัดไปมา เอวของนางอ้อนแอ้นขณะร่ายรำ ทุกคนดูจนตาค้าง การร่ายรำผ่านไประยะหนึ่ง ทุกคนอดตกตะลึงไม่ได้รวมทั้งเหมิงเถียนที่คอยชมอยู่ด้านข้าง
แต่ที่น่าประทับใจกำลังจะเกิดขึ้นต่อไปต่างหาก นางระบำสี่คนนำผ้าขาวผืนใหญ่มาขึงและวางลงบนพื้น อวี้ซู่เหยียบผ้าขาวผืนนั้น นางรำทั้งสี่ล่าถอยออกไป อวี้ซู่เริงระบำตามจังหวะดนตรี เอาเท้าที่สวมรองเท้าขาวจุ่มลงในกระถางหมึกที่ตั้งอยู่ไม่ไกล จากนั้นกวาดเท้าวาดไปบนผ้าขาว นางเต้นระบำไปพลางใช้เท้าวาด ๆ กวาด ๆ ไปบนผ้าขาวอย่างสง่างาม นางรำทั้งสี่ช่วยเปลี่ยนจุดของผ้าโดยยกสะบัดไปมา จนในที่สุดเมื่อเสียงเพลงจบลง ก็ขึงผ้าขาวผืนนี้ยกขึ้นให้ทุกคนดู
แต่ที่น่าประทับใจกำลังจะเกิดขึ้นต่อไปต่างหาก นางระบำสี่คนนำผ้าขาวผืนใหญ่มาขึงและวางลงบนพื้น อวี้ซู่เหยียบผ้าขาวผืนนั้น นางรำทั้งสี่ล่าถอยออกไป อวี้ซู่เริงระบำตามจังหวะดนตรี เอาเท้าที่สวมรองเท้าขาวจุ่มลงในกระถางหมึกที่ตั้งอยู่ไม่ไกล จากนั้นกวาดเท้าวาดไปบนผ้าขาว นางเต้นระบำไปพลางใช้เท้าวาด ๆ กวาด ๆ ไปบนผ้าขาวอย่างสง่างาม นางรำทั้งสี่ช่วยเปลี่ยนจุดของผ้าโดยยกสะบัดไปมา จนในที่สุดเมื่อเสียงเพลงจบลง ก็ขึงผ้าขาวผืนนี้ยกขึ้นให้ทุกคนดู
อวี้เหม่ยเหริน ทั้งสวยและเต้นระบำได้น่าประทับใจ
ที่แท้ในขณะที่ทุกคนมององค์หญิงร่ายรำ นางวาดภาพทิวทัศน์ภาพนี้ขึ้น องค์หญิงได้กรีดนิ้วรีดเลือดอย่างแรงและดีดจนหยดเลือดบินออกไปดุจกระสุนและแต้มลงบนผ้าขาวเป็นพระอาทิตย์อรุโณทัยที่เพิ่งโผล่พ้นขอบฟ้า
ทุกคนตกตะลึงในความสามารถร่ายรำและวาดภาพของนาง องค์จิ๋นซีลงมาจับมือนางให้ลุกขึ้นด้วยตนเอง พระองค์พอใจมาก อวี้ซู่รีบชักมือออกและเปลี่ยนเป็นบรรยายภาพที่นางวาดแทน นางบอกว่ารัฐฉินมีทิวทัศน์งดงามจริง ๆ นางรู้สึกประทับใจจึงวาดภาพนี้ออกมา จิ๋นซีตรัสชมว่า นางทั้งสวย ร่ายรำเก่งและยังวาดภาพเก่งอีกด้วย พระองค์หวังว่าขุนนางทุกคนจะไม่สงสัยอะไรเกี่ยวกับตำแหน่งของนางว่าเหมาะสมหรือไม่อีกแล้ว พวกขุนนางต่างพากันสรรเสริญอวี้เหม่ยเหรินว่าเป็นเลิศ จิ๋นซีจึงแต่งตั้งนางเป็นลี่เฟยเหนียงเหนียง(丽妃娘娘เทวีชายาลี่เฟย)
ทุกคนตกตะลึงในความสามารถร่ายรำและวาดภาพของนาง องค์จิ๋นซีลงมาจับมือนางให้ลุกขึ้นด้วยตนเอง พระองค์พอใจมาก อวี้ซู่รีบชักมือออกและเปลี่ยนเป็นบรรยายภาพที่นางวาดแทน นางบอกว่ารัฐฉินมีทิวทัศน์งดงามจริง ๆ นางรู้สึกประทับใจจึงวาดภาพนี้ออกมา จิ๋นซีตรัสชมว่า นางทั้งสวย ร่ายรำเก่งและยังวาดภาพเก่งอีกด้วย พระองค์หวังว่าขุนนางทุกคนจะไม่สงสัยอะไรเกี่ยวกับตำแหน่งของนางว่าเหมาะสมหรือไม่อีกแล้ว พวกขุนนางต่างพากันสรรเสริญอวี้เหม่ยเหรินว่าเป็นเลิศ จิ๋นซีจึงแต่งตั้งนางเป็นลี่เฟยเหนียงเหนียง(丽妃娘娘เทวีชายาลี่เฟย)
หมายเหตุประวัติศาสตร์
ฉินสื่อหวง(秦始皇จิ๋นซีฮ่องเต้) : ผู้รวบรวมเจ็ดอาณาจักรเป็นอาณาจักรจีนอันยิ่งใหญ่ รุ่นหลังยกย่องท่านเป็นทั้งปฐมจักรพรรดิและทั้งทรราชย์ผู้ยิ่งใหญ่ เป็นผู้บัญชาสร้างกำแพงหมื่นลี้( 万里长城)
ด้านเสี่ยวชวน เขากลุ้มใจไปกินเหล้าในโรงเหล้า และฟังชาวบ้านพูดกันเกี่ยวกับลี่เฟยเหนียงเหนียง บ้างว่าจิ๋นซีไปได้ชายาคนใหม่หน้าตาสวยล่มเมือง นางเป็นพวกซยงหนู匈奴 พวกอูเยว่乌月 หรือไม่ก็พวกตงหู 东胡เสี่ยวชวนได้ยินเข้าพอดีจึงบอกว่านางมาจากถูอั图安ต่างหาก แต่ชาวบ้านไม่เคยมีใครได้ยิน เสี่ยวชวนหัวร่อแล้วโยนจอกสุราใส่พวกเขา เสี่ยวชวนเมาแล้ว
ยุคปัจจุบัน เกาหลานมาดื่มเหล้าที่บาร์แห่งนี้อีกแล้ว เธอคิดถึงเสี่ยวชวนมาก มีหนุ่มคนหนึ่งที่หมายตาเกาหลานมานานเข้ามาพูดจาเกี้ยวพาราศี เกาหลานไม่สนใจ หนุ่มคนนี้ถามหาเสี่ยวชวน และหากเลิกกันแล้วมาเดทกับเขาต่อก็ได้ เกาหลานบอกว่ามีแฟนใหม่แล้ว จึงพิสูจน์ด้วยการโทรเรียกต้าชวน
เสียงโทรมือถือดังขึ้นแต่ต้าชวนกำลังวุ่นวายกับการศึกษาแผนที่โบราณอยู่ในศูนย์โบราณคดี เขาเห็นว่าเป็นเกาหลานยังไม่ทันตอบโทรศัพท์ ยกหูฟังก็ได้ยินเกาหลานบอกว่าให้รีบไสหัวมาหาเธอที่บาร์หมีเฉิง(迷城酒吧)ภายใน 10 นาที ต้าชวนไม่สนใจวางโทรศัพท์ลงและทำงานต่อ เกาหลานรอตั้งนานต้าชวนยังไม่มา เธอไม่อยากดื่มเหล้ากับเจ้าบ้าคนนี้จึงโทรหาต้าชวนบอกว่าให้แต่งหล่อ ถ้าไม่หล่อไม่ต้องมา ต้าชวนจึงแต่งตัวเหมือนจิ๊กโก๋โบราณใส่แว่นตาอันโต ยีนส์ขาดและสร้อยเหล็กเต็มยศ เขาเดินเข้ามาทุกคนในบาร์ต่างมองเป็นตาเดียว
ฉินสื่อหวง(秦始皇จิ๋นซีฮ่องเต้) : ผู้รวบรวมเจ็ดอาณาจักรเป็นอาณาจักรจีนอันยิ่งใหญ่ รุ่นหลังยกย่องท่านเป็นทั้งปฐมจักรพรรดิและทั้งทรราชย์ผู้ยิ่งใหญ่ เป็นผู้บัญชาสร้างกำแพงหมื่นลี้( 万里长城)
ด้านเสี่ยวชวน เขากลุ้มใจไปกินเหล้าในโรงเหล้า และฟังชาวบ้านพูดกันเกี่ยวกับลี่เฟยเหนียงเหนียง บ้างว่าจิ๋นซีไปได้ชายาคนใหม่หน้าตาสวยล่มเมือง นางเป็นพวกซยงหนู匈奴 พวกอูเยว่乌月 หรือไม่ก็พวกตงหู 东胡เสี่ยวชวนได้ยินเข้าพอดีจึงบอกว่านางมาจากถูอั图安ต่างหาก แต่ชาวบ้านไม่เคยมีใครได้ยิน เสี่ยวชวนหัวร่อแล้วโยนจอกสุราใส่พวกเขา เสี่ยวชวนเมาแล้ว
ยุคปัจจุบัน เกาหลานมาดื่มเหล้าที่บาร์แห่งนี้อีกแล้ว เธอคิดถึงเสี่ยวชวนมาก มีหนุ่มคนหนึ่งที่หมายตาเกาหลานมานานเข้ามาพูดจาเกี้ยวพาราศี เกาหลานไม่สนใจ หนุ่มคนนี้ถามหาเสี่ยวชวน และหากเลิกกันแล้วมาเดทกับเขาต่อก็ได้ เกาหลานบอกว่ามีแฟนใหม่แล้ว จึงพิสูจน์ด้วยการโทรเรียกต้าชวน
เสียงโทรมือถือดังขึ้นแต่ต้าชวนกำลังวุ่นวายกับการศึกษาแผนที่โบราณอยู่ในศูนย์โบราณคดี เขาเห็นว่าเป็นเกาหลานยังไม่ทันตอบโทรศัพท์ ยกหูฟังก็ได้ยินเกาหลานบอกว่าให้รีบไสหัวมาหาเธอที่บาร์หมีเฉิง(迷城酒吧)ภายใน 10 นาที ต้าชวนไม่สนใจวางโทรศัพท์ลงและทำงานต่อ เกาหลานรอตั้งนานต้าชวนยังไม่มา เธอไม่อยากดื่มเหล้ากับเจ้าบ้าคนนี้จึงโทรหาต้าชวนบอกว่าให้แต่งหล่อ ถ้าไม่หล่อไม่ต้องมา ต้าชวนจึงแต่งตัวเหมือนจิ๊กโก๋โบราณใส่แว่นตาอันโต ยีนส์ขาดและสร้อยเหล็กเต็มยศ เขาเดินเข้ามาทุกคนในบาร์ต่างมองเป็นตาเดียว
ต้าชวนแบกเกาหลานออกมาจากบาร์ เธอดื่มจนเมามาก และคุยกับต้าชวนราวกับเขาคือเสี่ยวชวน เกาหลานคร่ำครวญถึงพี่ชายเกาเย่า และร้องไห้ ต้าชวนอายคนบนถนนแต่พยายามปลอบใจเธอและบอกว่าจะตามหาทั้งสองให้เจอ เกาหลานคิดว่าเขาเป็นเสี่ยวชวน บอกว่าเขาดีมาก จึงหอมแก้มเขาหนึ่งที ต้าชวนไม่รู้จะจัดการกับสาวสวยที่เมาอย่างไร ได้แต่พาไปส่งบ้าน
เขาจัดให้เกาหลานนอน เกาหลานสารภาพว่าเธอกลัวว้าเหว่า เธอคิดถึงเสี่ยวชวนและพี่ชายมาก ขอให้ทั้งสองรีบกลับมา ต้าชวนรู้สึกเห็นใจเธอ แต่เขาต้องกลับบ้านแล้ว เกาหลานดึงแขนเขาไว้และบอกให้เขาอยู่เป็นเพื่อนก่อน ต้าชวนสงสารเลยอยู่เป็นเพื่อนเธอ เขานั่งที่หน้าคอมพ์ของเกาหลานเห็นเธอแต่งนิยายปริ้นท์ออกมาวางอยู่ข้าง ๆ จึงเริ่มอ่าน
ต้าชวนอ่านจนโกรธมาก เพราะเธอบรรยายเขาไว้แย่จริง ๆ เขาจึงลุกขึ้นมาด่าเกาหลาน แต่เห็นสาวงามนอนหลับอย่างน่ารักจึงยอมอภัยให้และบอกว่าจะแก้ไขนิยายรักให้ดีกว่านี้ เขาเริ่มพิมพ์คอมพ์ฯแก้ไขนิยายรักของเกาหลานเป็นแบบฉบับของเขาเอง
ตอนเช้าเกาหลานตื่นขึ้นมา เธอเดินไปที่โต๊ะอาหารพบว่าต้าชวนเตรียมอาหารให้และเขียนโพสต์อิทไว้ว่าให้รีบกินเสีย เกาหลานรู้สึกดี ๆ แต่ติต้าชวนเขียนเม็มโมไม่โรแมนติคเสียเลย เกาหลานเดินไปที่เครื่องคอมพ์ และพบว่าต้าชวนอัพบล็อกเป็นรูปบาร์เหล้าที่ไปมาเมื่อคืนด้วย เกาหลานทั้งโกรธทั้งอายที่เขาเขียนเรื่องของเธอ เมื่อเลื่อนหน้าจอลงมาจึงพบกับนิยายรักที่ต้าชวนปรับเปลี่ยน เธออ่านนิยายที่เขียนว่า “ฉบับแก้ไขโดยอี้ต้าชวน” แม้จะโกรธแต่เธอก็อยากรู้ว่าเขาเขียนอะไร
“ลาก่อนถูอัน(再见图安)”
ฉบับแก้ไขโดยอี้ต้าชวน
“สุราทั้งเย็นเยียบ และร้อนแรง
ดื่มเข้าไปแล้วใจรอน ๆ แต่เมื่อสาดใส่แผลช่างแสบร้อน
หากแผลนั้นอยู่ในใจเล่า?
เขาเมาแล้ว......................
ในยุคฉิน ถูกต้องเขาเมาแล้ว เสี่ยวชวนดื่มสุรานานพอสมควรจนควบคุมสติไม่ได้พูดจาไม่รู้เรื่อง ทุกคนเห็นเสี่ยวชวนเหมือนคนบ้าและพากันหัวเราะเยาะ เหมิงเถียนเข้ามาไล่ทุกคนออกไปไม่ให้ใครมาดูถูกคนที่เขายึดมั่นว่าเป็นน้องชาย เสี่ยวชวนไม่ยอมรับและยืนยันว่าจะดื่มเหล้าต่อ เหมิงเถียนพยายามเกลี้ยกล่อมให้เขากลับบ้านแต่เขาก็ไม่ยอมด่าว่าเหมิงเถียนด้วยความเกรี้ยวกราด เหมิงเถียนไม่ถือ และบอกว่าพร้อมเมื่อไหร่มาหาเขาได้ทันที เสี่ยวชวนดื่มเหล้าต่อไป ไม่สนอะไรทั้งสิ้น
อารมณ์ของเสี่ยวชวนโดนระกวนจากเสียงด้านนอก เสียงดังนั้นมาจากชายคนหหนึ่งที่ทุบตีทาสของตน เสี่ยวชวนทนไม่ได้ออกมาช่วย จ่ายเงินซื้อทาสไว้ ทาสอ้วนผู้นี้ชื่อว่าซันเป่า เขาดีใจมากที่ได้รับการไถ่ตัว แต่ทาสอย่างเขาเป็นทาสในเรือนเบี้ยไม่มีครอบครัวไม่มีพี่น้องไม่มีที่ให้ไป เขาจึงขอติดตามเสี่ยวชวน แต่เสี่ยวชวนบอกว่าไม่เอา ซันเป่าไม่ยอมตื้อเสี่ยวชวน เสี่ยวชวนไม่ยอมเหมือนกันต่างคนต่างกราบขอร้องกันและกันในสิ่งที่ตัวเองต้องการ คนหนึ่งไม่อยากได้ทาส คนหนึ่งอยากเป็นทาส
ทุ่มเถียงกันพักหนึ่งเสี่ยวชวนหมดแรงนอนแผ่ ซันเป่าบอกว่าจะเอาเหล้ามาให้ และก็ได้กลิ่นหอมมากจากไหนก็ไม่รู้ แต่ไม่ใช่เหล้าของตัวเองเป็นกลิ่นเหล้าของคนแก่
ซันเป่ามีนิสัยชอบขโมยกินอยู่แล้วจึงเข้าไปหยิบกาเหล้ามา เข้าใจว่าคนแก่ไม่รู้ตัวแต่คนแก่ซ่อนคม เขาพลิกตัวมาทับซันเป่าที่แอบขโมยเหล้า ซันเป่าร้องให้เสี่ยวชวนช่วย เสี่ยวชวนหันมามองและต้องตกใจเมื่อพบคนรู้จัก หมอชุยที่เคยรักษาเขาให้หายจากโรคติดต่อนั่นเอง
ตอนที่ 15
เสี่ยวชวนช่วยชู่ชู่แขวนโคมไฟ
เสี่ยวชวนได้เจอกับหมอชุยก็ดีใจมาก เริ่มคิดถึงเรื่องความหลัง คิดถึงซู่ซู่ที่ตายไป และเกาเย่าที่หายสาบสูญไม่รู้อยู่ที่ไหน ทำให้ยิ่งเศร้ากรอกเหล้าเข้าปากไม่หยุด เหล้าของหมอชุยทั้งหอมทั้งฉุนดีกรีร้อนแรง หมอชุยบอกว่าเขาใช้สมุนไพรจากหุบเขา(谷กู่แปลว่าหุบเขา)มาดองเหล้าทำให้เหล้ามีกลิ่นหอมมาก เสี่ยวชวนถามหมอชุยว่าเหล้านี้มีชื่อหรือยัง หมอชุยบอกว่ายังไม่มีให้เสี่ยวชวนช่วยตั้ง เสี่ยวชวนเลยตั้งชื่อว่า “寄优之谷” จี้ยิวจือกู่(เอาความเศร้าไป) หมอชุยบอกว่าเรียกสั้น ๆ ว่า “จี้ยิวกู่” ก็แล้วกัน เสี่ยวชวนบอกว่าถ้าเอาไปสมัยของตน ต้องขายดีแน่ โดยเฉพาะกับพวกเล่นหุ้น(股 กู่แปลว่าหุ้น) พวกนี้กินแล้วหุ้นจะขึ้นเอาขึ้นเอาเนื่องจากเป็นหุ้นมูลค่าสูง
( คำว่า绩优股(จี๋ยิวกู่ blue-chipหมายถึงหุ้นที่มีค่าสูงและเป็นของบริษัทที่มีเสถียรภาพมาก ในที่นี้เสี่ยวชวนคิดไปถึงคำพ้องเสียงคำว่าจี้ยิวกู่ กับจี๋ยิวกู่)
ถ้าเป็นอย่างนั้นจากตลาดหุ้น(股市)ก็จะกลายเป็นตลาดวัวกระทิง(牛市) ตลาดกระทิง ( Bull market) เป็นภาวะตลาดหุ้นที่ราคาหลักทรัพย์โดยทั่วไปมีระดับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นระยะเวลายาวนานไม่น้อยกว่า 2-3 เดือน และมีปริมาณการซื้อขายที่มาก มีสภาพคล่องสูง ภาวะตลาดดังกล่าวมีความคึกคักเสมือนอาการเคลื่อนไหวของวัวกระทิง) หมอชุยฟังไม่เข้าใจ ซันเป่าบอกว่าทำไมกลายเป็นตลาดวัวไปได้ เสี่ยวชวนไม่สนใจได้แต่หัวเราะ นึกได้ว่านี่ยุคฉินต่างหากใครจะไปรู้จักคำพวกนี้
(อ้าว........เล่าละเอียดเกิน เป็นอะไร ๆ ที่ตลกบทพูดของเสี่ยวชวน)
ซันเป่าถามหมอชุยว่าใช้วิชาอะไรทับเขาไว้ หมอชุยบอกว่าชอบเมาแล้วเกิดเรื่องจึงได้คิดค้นวิชาหมัดเมา และกระบี่เมาขึ้นมา ซันเป่าขอเรียนแต่หมอชุยบอกว่าต้องให้คนมีคุณสมบัติฝึก เสี่ยวชวนยิ้มและบอกว่านี่หมอชุยกำลังพูดถึงเขาอยู่ หมอชุยบอกว่าแต่ก่อนตอนจอเสี่ยวชวนแรก ๆ อาจไม่เหมาะ แต่ตอนนี้เปลี่ยนไป มีคุณสมบัตเหมาะสมที่จะฝึกได้แน่นอน หลังจากเรียนรู้จากหมอชุยแล้วเสี่ยวชวนชมว่าหมัดเมาของหมอชุยร้ายกาจกว่าเฉินหลงเสียอีก หลังจากนั้นจึงชวนซันเป่าไปฝึกวิชาหมัดเมาของหมอชุยในป่าไผ่
ขณะนั้นเองมีขบวนขุนนางผ่านมา เป็นจิ๋นซีกับพวกข้าราชบริพาร ระหว่างเข้ามาในป่าไผ่ก็ถูกพวกโจรป่าจับตาดูอย่างใกล้ชิด รถม้าของจิ๋นซีเข้ามาใกล้ป่าไผ่ได้กลิ่นเหล้าหอมหวนจึงตามกลิ่นไปจนพบกับพวกเสี่ยวชวน จิ๋นซีขอดื่มเหล้าดับกระหาย เสี่ยวชวนบอกว่าเหล้านี้ทำจากของดี ๆ จากหุบเขา และยอมให้จิ๋นซีดื่ม แต่จิ๋นซีเป็นคนขี้ระแวงจึงให้ขุนนางดื่มก่อน ตอนนี้จิ๋นซีแต่งตัวเป็นคนขับรถม้า แต่ก็ยังระวังภัยและป้องกันพวกเสี่ยวชวนสงสัย
ขุนนางรู้ว่าจิ๋นซีกลัวโดนยาพิษเลยดื่มเหล้าลงไปก่อน ตอนนั้นเองพวกโจรก็เข้ามาล้อมกรอบคนทั้งหมดไว้และบอกให้เอาของมีค่าออกมา ขุนนางตกใจมากรีบปกป้องนายของตน แต่จิ๋นซีบอกว่าเดี๋ยวจะเชือดให้ดูเอง เสี่ยวชวนทำหน้าไม่ยี่หระ และออกโรงจัดการกับพวกโจรจนหนีป่าราบ จิ๋นซีจะตามไปฆ่าแก้โมโห แต่เสี่ยวชวนให้ปล่อยโจรที่แสนจะยากจนพวกนี้ไป เสี่ยวชวนตบไหล่จิ๋นซีและชวนให้มาดื่มเหล้า ขุนนางถามชื่อเสี่ยวชวน แต่เขาบอกไม่จำเป็นต้องรู้ รู้ไว้เพียงว่าเขาเป็นเพื่อนของเซียนในจอกเหล้าก็พอ
จิ๋นซีกลับวังมายังทรงพิโรธไม่คลาย จึงให้คนไปหาลี่เฟยเหนียงเหนียงมาคุยแก้เบื่อ แต่ขันทีบอกว่าลี่เฟยเหนียงเหนีงป่วยหลังจากองค์จิ๋นซีออกประพาส ก็มีโรคระบาดเกิดขึ้นในวัง ตอนนี้ลี่เฟยเหนียงเหนียงป่วยหนักคงไม่รอด จิ๋นซีรู้สึกเสียดายหากลี่เฟยเหนียงเหนียงจะต้องมาตายไปเสีย
ในโรงเหล้าผู้คนลือกันเรื่องในวังให้เซ็งแซ่และบอกว่าลี่เฟยเหนียงเหนียงป่วยจิ๋นซีต้องการหมอดีไปรักษา เสี่ยวชวนที่นั่งดื่มอยู่ด้วย พอได้ยินชื่อลี่เฟยก็หูผึ่ง และบอกว่าทำไมหมอหลวงรักษาไม่ได้ ชาวบ้านบอกว่าโรคระบาดเล่นเอาหมอหลวงตายไปหลายคน บางคนรักษาไม่เก่งก็โดนตัดหัว แล้วอย่างนี้ใครจะกล้าเข้าไป หากเสี่ยวชวนอยากลองก็เอาประกาศไปอ่านดู เสี่ยวชวนรู้ว่าหมอชุยรักษาได้จึงรีบวิ่งไปหาเขา หมอชุยและขอร้องให้เขาเข้าวังไปรักษาลี่เฟยเหนียงเหนียง แต่ว่าหมอชุยบอกว่าหากเสี่ยวชวนทำเรื่อง 3 ประการให้สำเร็จก่อนแล้วเขาจะยอมไป
เสี่ยวชวนรับปาก
เรื่องแรกคือให้เอาเลือดของม้าหยาดโลหิตที่ชื่อเฮยเฟิง(วาตะนิล)ซึ่งเป็นม้าประจำตัวของขุนพลเหมิงเถียน เสี่ยวชวนไปหาเหมิงเถียนที่จวน เหมิงเถียนดีใจที่น้องชายกลับมาบ้านแล้ว แต่เสี่ยวชวนบอกว่าเขาไม่ใช่เหมิงอี้ และเล่าเรื่องราวให้ฟัง เหมิงเถียนบอกว่าจะให้เลือดของเฮยเฟิงแต่ว่าไม่ใช่เพื่ออวี้ซู่ แต่เพื่อชายาแห่งรัฐฉิน แต่ตอนที่เหมิงเถียนกรีดเลือดของเฮยเฟิงเขาสารภาพกับมันว่าต้องขอเลือดมันไปช่วยอวี้ซู่ เสี่ยวชวนนำกลับไปให้หมอชุย หมอชุยดีใจมาก และรีบตรวจดูว่าเสี่ยวชวนโดนทำร้ายจากการไปเอาเลือดม้ามาหรือเปล่า แต่พบว่าไม่มีอะไรในร่างกายเสี่ยวชวนที่บุบสลาย
เรื่องทีสอง หมอชุยให้เสี่ยวชวนไปขโมยไข่มุกราตรีในวัง ซันเป่าอยากไปด้วยเพราะถนัดเรื่องขโมยอยู่แล้ว แต่พอได้ยินว่าเข้าวังไปขโมยก็ตกใจ และไม่คิดว่าเจ้านายของตนจะไป เสี่ยวชวนบอกว่าไปแน่นอน แต่หมอชุยบอกว่าอย่าลืมว่าในวังคุ้มกันหนาแน่น แถมไข่มุกราตรียังส่องแสงสว่างจ้าในยามกลางคืน หากใครเข้าใกล้ก็ต้องเป็นที่สังเกตเห็นแน่นอน เสี่ยวชวนไม่กลัว เขาเตรียมอุปกรณ์พร้อมเพื่อเข้าวังในคืนนี้
ตกดึก เสี่ยวชวนกับซันเป่าลักลอบเข้าวังไป เสี่ยวชวนใช้ความรู้สมัยใหม่ทำรอกโยนตัวเข้าไปในวังและค้นหาจนเจอไข่มุกราตรี เขาเอาลูกแก้วใส่หิ่งห้อยมาเปลี่ยนใส่ไว้แทน เสี่ยวชวนเกือบโดนขันทีจับได้แต่ด้วยไหวพริบทำให้ทุกอย่างราบรื่น เมื่อไข่มุกราตรีถึงมือหมอชุย เสี่ยวชวนรีบถามถึงเรื่องที่สามทันที
(พับผ่าสิ...ตอนที่ 15 หูเกอทั้งหล่อทั้งเท่ห์เลย ไม่รู้เป็นอะไร ทำไรดูดีไปหมด)
หมอชุยยังไม่ได้บอกเรื่องที่ 3 ก็เอายาให้เสี่ยวชวนและบอกว่ายานี้รักษาได้แค่คนเดียว เสี่ยวชวนบอกว่าทำไมไม่ผลิตให้เยอะกว่านี้ หมอชุยไม่ตอบ แต่พูดถึงเรื่องที่ 3 ว่าเสี่ยวชวนต้องไม่ปฎิเสธแน่ คือให้เสี่ยวชวนเข้าวังไปรักษาอวี้ซู่เอง เสี่ยวชวนย่อมไม่ปฎิเสธ หมอชุยบอกว่าเรื่องนี้อันตรายถึงชีวิต เรื่องที่ 3 คือต้องเอาชีวิตของเสี่ยวชวนเข้าแลกนั่นเอง
เสี่ยวชวนตอบตกลงทันที เมื่อไปถึงหน้าวังของลี่เฟยเหนียงเหนียง หมอชุยบอกอำลาเสี่ยวชวน และอวยพรให้อย่าติดโรคมาขอให้รอดชีวิต เสี่ยวชวนนึกว่าหมอชุยให้หาของ 2 อย่างมาเป็นกระสายยา แต่สุดท้ายรู้ว่าถูกหลอกจึงบอกว่าถ้ารอดจะมาคิดบัญชีกับหมอชุย หมอชุยบอกว่ายาขวดนี้รักษาได้คนเดียวเพราะเขาเก็บตัวยากว่าจะครบก็ 10 ปีพอดี เสี่ยวชวนมองไปข้างหน้า ทหารเอาผ้าขาวให้เสี่ยวชวนปิดปาก พริบตาที่เปิดประตูวังบานใหญ่ออก ภาพที่เลือดเย็นก็ปรากฏตรงหน้าทันที
เหล่าขันที และนางกำนัลของวังลี่เฟยพากันกรูออกมาเนื่องจากโดนกักบริเวณอยู่นานจึงพากันหนีต้าจ้าละหวั่น แต่ไม่ว่าใครเมื่ออกมาได้จะโดนทหารตัดหัวทันที จากนั้นเอาผ้าขาวคลุมศพลากไปทิ้ง เสี่ยวชวนมองด้วยอาการตะลึง ในตอนนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเขาคิดถึงแต่อวี้ซู่เท่านั้น เขาเดินเข้าไปอย่างไม่ลังเล และเจอกลุ่มนางกำนัลและขันทีที่นอนกับพื้นกระเสือกกระสนด้วยความเจ็บปวด พวกเขาของร้องเสี่ยวชวนให้ช่วยด้วย แต่เสี่ยวชวนไม่รีรอวิ่งเข้าไปหาจุดหมายคืออวี้ซู่เท่านั้น
(ฉากนี้เสี่ยวชวนก็เลือดเย็นนะคะ แต่ก่อนเคยช่วยชาวบ้านมากมาย แต่ตอนนี้จะเอาแต่ช่วยคนรักอย่างเดียว คนอื่นไม่สนใจทั้งสิ้น)
( คำว่า绩优股(จี๋ยิวกู่ blue-chipหมายถึงหุ้นที่มีค่าสูงและเป็นของบริษัทที่มีเสถียรภาพมาก ในที่นี้เสี่ยวชวนคิดไปถึงคำพ้องเสียงคำว่าจี้ยิวกู่ กับจี๋ยิวกู่)
ถ้าเป็นอย่างนั้นจากตลาดหุ้น(股市)ก็จะกลายเป็นตลาดวัวกระทิง(牛市) ตลาดกระทิง ( Bull market) เป็นภาวะตลาดหุ้นที่ราคาหลักทรัพย์โดยทั่วไปมีระดับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นระยะเวลายาวนานไม่น้อยกว่า 2-3 เดือน และมีปริมาณการซื้อขายที่มาก มีสภาพคล่องสูง ภาวะตลาดดังกล่าวมีความคึกคักเสมือนอาการเคลื่อนไหวของวัวกระทิง) หมอชุยฟังไม่เข้าใจ ซันเป่าบอกว่าทำไมกลายเป็นตลาดวัวไปได้ เสี่ยวชวนไม่สนใจได้แต่หัวเราะ นึกได้ว่านี่ยุคฉินต่างหากใครจะไปรู้จักคำพวกนี้
(อ้าว........เล่าละเอียดเกิน เป็นอะไร ๆ ที่ตลกบทพูดของเสี่ยวชวน)
ซันเป่าถามหมอชุยว่าใช้วิชาอะไรทับเขาไว้ หมอชุยบอกว่าชอบเมาแล้วเกิดเรื่องจึงได้คิดค้นวิชาหมัดเมา และกระบี่เมาขึ้นมา ซันเป่าขอเรียนแต่หมอชุยบอกว่าต้องให้คนมีคุณสมบัติฝึก เสี่ยวชวนยิ้มและบอกว่านี่หมอชุยกำลังพูดถึงเขาอยู่ หมอชุยบอกว่าแต่ก่อนตอนจอเสี่ยวชวนแรก ๆ อาจไม่เหมาะ แต่ตอนนี้เปลี่ยนไป มีคุณสมบัตเหมาะสมที่จะฝึกได้แน่นอน หลังจากเรียนรู้จากหมอชุยแล้วเสี่ยวชวนชมว่าหมัดเมาของหมอชุยร้ายกาจกว่าเฉินหลงเสียอีก หลังจากนั้นจึงชวนซันเป่าไปฝึกวิชาหมัดเมาของหมอชุยในป่าไผ่
ขณะนั้นเองมีขบวนขุนนางผ่านมา เป็นจิ๋นซีกับพวกข้าราชบริพาร ระหว่างเข้ามาในป่าไผ่ก็ถูกพวกโจรป่าจับตาดูอย่างใกล้ชิด รถม้าของจิ๋นซีเข้ามาใกล้ป่าไผ่ได้กลิ่นเหล้าหอมหวนจึงตามกลิ่นไปจนพบกับพวกเสี่ยวชวน จิ๋นซีขอดื่มเหล้าดับกระหาย เสี่ยวชวนบอกว่าเหล้านี้ทำจากของดี ๆ จากหุบเขา และยอมให้จิ๋นซีดื่ม แต่จิ๋นซีเป็นคนขี้ระแวงจึงให้ขุนนางดื่มก่อน ตอนนี้จิ๋นซีแต่งตัวเป็นคนขับรถม้า แต่ก็ยังระวังภัยและป้องกันพวกเสี่ยวชวนสงสัย
ขุนนางรู้ว่าจิ๋นซีกลัวโดนยาพิษเลยดื่มเหล้าลงไปก่อน ตอนนั้นเองพวกโจรก็เข้ามาล้อมกรอบคนทั้งหมดไว้และบอกให้เอาของมีค่าออกมา ขุนนางตกใจมากรีบปกป้องนายของตน แต่จิ๋นซีบอกว่าเดี๋ยวจะเชือดให้ดูเอง เสี่ยวชวนทำหน้าไม่ยี่หระ และออกโรงจัดการกับพวกโจรจนหนีป่าราบ จิ๋นซีจะตามไปฆ่าแก้โมโห แต่เสี่ยวชวนให้ปล่อยโจรที่แสนจะยากจนพวกนี้ไป เสี่ยวชวนตบไหล่จิ๋นซีและชวนให้มาดื่มเหล้า ขุนนางถามชื่อเสี่ยวชวน แต่เขาบอกไม่จำเป็นต้องรู้ รู้ไว้เพียงว่าเขาเป็นเพื่อนของเซียนในจอกเหล้าก็พอ
จิ๋นซีกลับวังมายังทรงพิโรธไม่คลาย จึงให้คนไปหาลี่เฟยเหนียงเหนียงมาคุยแก้เบื่อ แต่ขันทีบอกว่าลี่เฟยเหนียงเหนีงป่วยหลังจากองค์จิ๋นซีออกประพาส ก็มีโรคระบาดเกิดขึ้นในวัง ตอนนี้ลี่เฟยเหนียงเหนียงป่วยหนักคงไม่รอด จิ๋นซีรู้สึกเสียดายหากลี่เฟยเหนียงเหนียงจะต้องมาตายไปเสีย
ในโรงเหล้าผู้คนลือกันเรื่องในวังให้เซ็งแซ่และบอกว่าลี่เฟยเหนียงเหนียงป่วยจิ๋นซีต้องการหมอดีไปรักษา เสี่ยวชวนที่นั่งดื่มอยู่ด้วย พอได้ยินชื่อลี่เฟยก็หูผึ่ง และบอกว่าทำไมหมอหลวงรักษาไม่ได้ ชาวบ้านบอกว่าโรคระบาดเล่นเอาหมอหลวงตายไปหลายคน บางคนรักษาไม่เก่งก็โดนตัดหัว แล้วอย่างนี้ใครจะกล้าเข้าไป หากเสี่ยวชวนอยากลองก็เอาประกาศไปอ่านดู เสี่ยวชวนรู้ว่าหมอชุยรักษาได้จึงรีบวิ่งไปหาเขา หมอชุยและขอร้องให้เขาเข้าวังไปรักษาลี่เฟยเหนียงเหนียง แต่ว่าหมอชุยบอกว่าหากเสี่ยวชวนทำเรื่อง 3 ประการให้สำเร็จก่อนแล้วเขาจะยอมไป
เสี่ยวชวนรับปาก
เรื่องแรกคือให้เอาเลือดของม้าหยาดโลหิตที่ชื่อเฮยเฟิง(วาตะนิล)ซึ่งเป็นม้าประจำตัวของขุนพลเหมิงเถียน เสี่ยวชวนไปหาเหมิงเถียนที่จวน เหมิงเถียนดีใจที่น้องชายกลับมาบ้านแล้ว แต่เสี่ยวชวนบอกว่าเขาไม่ใช่เหมิงอี้ และเล่าเรื่องราวให้ฟัง เหมิงเถียนบอกว่าจะให้เลือดของเฮยเฟิงแต่ว่าไม่ใช่เพื่ออวี้ซู่ แต่เพื่อชายาแห่งรัฐฉิน แต่ตอนที่เหมิงเถียนกรีดเลือดของเฮยเฟิงเขาสารภาพกับมันว่าต้องขอเลือดมันไปช่วยอวี้ซู่ เสี่ยวชวนนำกลับไปให้หมอชุย หมอชุยดีใจมาก และรีบตรวจดูว่าเสี่ยวชวนโดนทำร้ายจากการไปเอาเลือดม้ามาหรือเปล่า แต่พบว่าไม่มีอะไรในร่างกายเสี่ยวชวนที่บุบสลาย
เรื่องทีสอง หมอชุยให้เสี่ยวชวนไปขโมยไข่มุกราตรีในวัง ซันเป่าอยากไปด้วยเพราะถนัดเรื่องขโมยอยู่แล้ว แต่พอได้ยินว่าเข้าวังไปขโมยก็ตกใจ และไม่คิดว่าเจ้านายของตนจะไป เสี่ยวชวนบอกว่าไปแน่นอน แต่หมอชุยบอกว่าอย่าลืมว่าในวังคุ้มกันหนาแน่น แถมไข่มุกราตรียังส่องแสงสว่างจ้าในยามกลางคืน หากใครเข้าใกล้ก็ต้องเป็นที่สังเกตเห็นแน่นอน เสี่ยวชวนไม่กลัว เขาเตรียมอุปกรณ์พร้อมเพื่อเข้าวังในคืนนี้
ตกดึก เสี่ยวชวนกับซันเป่าลักลอบเข้าวังไป เสี่ยวชวนใช้ความรู้สมัยใหม่ทำรอกโยนตัวเข้าไปในวังและค้นหาจนเจอไข่มุกราตรี เขาเอาลูกแก้วใส่หิ่งห้อยมาเปลี่ยนใส่ไว้แทน เสี่ยวชวนเกือบโดนขันทีจับได้แต่ด้วยไหวพริบทำให้ทุกอย่างราบรื่น เมื่อไข่มุกราตรีถึงมือหมอชุย เสี่ยวชวนรีบถามถึงเรื่องที่สามทันที
(พับผ่าสิ...ตอนที่ 15 หูเกอทั้งหล่อทั้งเท่ห์เลย ไม่รู้เป็นอะไร ทำไรดูดีไปหมด)
หมอชุยยังไม่ได้บอกเรื่องที่ 3 ก็เอายาให้เสี่ยวชวนและบอกว่ายานี้รักษาได้แค่คนเดียว เสี่ยวชวนบอกว่าทำไมไม่ผลิตให้เยอะกว่านี้ หมอชุยไม่ตอบ แต่พูดถึงเรื่องที่ 3 ว่าเสี่ยวชวนต้องไม่ปฎิเสธแน่ คือให้เสี่ยวชวนเข้าวังไปรักษาอวี้ซู่เอง เสี่ยวชวนย่อมไม่ปฎิเสธ หมอชุยบอกว่าเรื่องนี้อันตรายถึงชีวิต เรื่องที่ 3 คือต้องเอาชีวิตของเสี่ยวชวนเข้าแลกนั่นเอง
เสี่ยวชวนตอบตกลงทันที เมื่อไปถึงหน้าวังของลี่เฟยเหนียงเหนียง หมอชุยบอกอำลาเสี่ยวชวน และอวยพรให้อย่าติดโรคมาขอให้รอดชีวิต เสี่ยวชวนนึกว่าหมอชุยให้หาของ 2 อย่างมาเป็นกระสายยา แต่สุดท้ายรู้ว่าถูกหลอกจึงบอกว่าถ้ารอดจะมาคิดบัญชีกับหมอชุย หมอชุยบอกว่ายาขวดนี้รักษาได้คนเดียวเพราะเขาเก็บตัวยากว่าจะครบก็ 10 ปีพอดี เสี่ยวชวนมองไปข้างหน้า ทหารเอาผ้าขาวให้เสี่ยวชวนปิดปาก พริบตาที่เปิดประตูวังบานใหญ่ออก ภาพที่เลือดเย็นก็ปรากฏตรงหน้าทันที
เหล่าขันที และนางกำนัลของวังลี่เฟยพากันกรูออกมาเนื่องจากโดนกักบริเวณอยู่นานจึงพากันหนีต้าจ้าละหวั่น แต่ไม่ว่าใครเมื่ออกมาได้จะโดนทหารตัดหัวทันที จากนั้นเอาผ้าขาวคลุมศพลากไปทิ้ง เสี่ยวชวนมองด้วยอาการตะลึง ในตอนนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเขาคิดถึงแต่อวี้ซู่เท่านั้น เขาเดินเข้าไปอย่างไม่ลังเล และเจอกลุ่มนางกำนัลและขันทีที่นอนกับพื้นกระเสือกกระสนด้วยความเจ็บปวด พวกเขาของร้องเสี่ยวชวนให้ช่วยด้วย แต่เสี่ยวชวนไม่รีรอวิ่งเข้าไปหาจุดหมายคืออวี้ซู่เท่านั้น
(ฉากนี้เสี่ยวชวนก็เลือดเย็นนะคะ แต่ก่อนเคยช่วยชาวบ้านมากมาย แต่ตอนนี้จะเอาแต่ช่วยคนรักอย่างเดียว คนอื่นไม่สนใจทั้งสิ้น)
อวี้ซู่นอนป่วยอยู่ในวัง
เมื่อเจอกับอวี้ซู่ นางดีใจมากนึกว่าฝันไปหรืไม่ก็ตายไปแล้ว เสี่ยวชวนเปิดผ้าคลุมหน้าออกและยืนยันว่าเป็นเขาจริง ๆ อวี้ซู่ขอลูบหน้าเขาสัมผัสเขา และก็นึกได้ว่าตนเองเป็นโรคติดต่อจึงให้เสี่ยวชวนรีบไป แต่เสี่ยวชวนบอกว่า แม้ชีวิตสูงค่าแต่ความรักมีค่าสูงกว่ามาก หากไม่มีอวี้ซู่แล้วเขาก็ไม่รู้จะอยู่ไปทำไม หลังจากที่จากกันเขารู้สึกว่าชีวิตไม่มีความหมายเลย อวี้ซู่บอกว่านางก็เหมือนกัน นางชอบคำพูดของเสี่ยวชวนมาก นางอยู่ไปวัน ๆ เหมือนศพเดินได้ เสี่ยวชวนบอกว่าแม้มีอายุยืนยาวแต่ไม่มีความสุขจะอยู่ไปทำไม มิสู้ตายไปเสียดีกว่า ทั้งสองกอดกันแน่นเสมือนจะไม่พรากจากกันอีกเลย
เสี่ยวชวนป้อนยาให้อวี้ซู่ ด้านนอกมีเสียงขอความช่วยเหลือ เสี่ยวชวนป้อนยาต่อและบอกว่าจะออกไปดู อวี้ซู่ให้เสี่ยวชวนเอาผ้าปิดปากไปด้วย เสี่ยวชวนเดินไปทางต้นเสียงพบว่ามีคนนอนรอความตายเกลื่อน เขาเห็นนางกำนัลคนที่ร้องให้ช่วย แต่เมื่อตรวจดู คนที่นางกำนัลเรียกว่าพี่สาวนั้นได้ตายไปเสียแล้ว นางกำนัลเมื่อรู้ว่าพี่สาวตายก็ร้องไห้และพึมพำว่าจะต้องหาเสี่ยวเยว่ให้เจอให้ได้
เสี่ยวชวนกลับไปหาอวี้ซู่ อวี้ซู่ถามว่าข้างนอกเป็นอย่างไรกันบ้าง เสี่ยวชวนโกหกนางว่าตอนนี้ข้างนอกหายป่วยกันแล้ว อวี้ซู่ดีใจที่รู้ว่าโรคนี้รักษาได้และบอกว่าหากมีเสี่ยวชวนอยู่ข้าง ๆ นางต้องรอดตายแน่(อ้าว....ไหนว่าจะตายด้วยกันไง แล้วรักษากันทำไมเนี่ย?)
ขันทีคนหนึ่งบุกเข้ามาขอความช่วยเหลือจากเสี่ยวชวนที่เขาคิดว่าเป็นหมอ เสี่ยวชวนตวาดไล่ อวี้ซู่ถามว่าเรื่องอะไร ไม่ใช่หายดีกันแล้วหรือ ขันทีบอกว่าหายดีอะไร ตายกันไปหมดแล้ว อวี้ซู่ตกใจ เสี่ยวชวนรีบลากขันทีออกไป อวี้ซู่มองหน้าเสี่ยวชวนด้วยความสงสัย และถามว่านี่มันอะไรกัน
เสี่ยวชวนป้อนยาให้อวี้ซู่ ด้านนอกมีเสียงขอความช่วยเหลือ เสี่ยวชวนป้อนยาต่อและบอกว่าจะออกไปดู อวี้ซู่ให้เสี่ยวชวนเอาผ้าปิดปากไปด้วย เสี่ยวชวนเดินไปทางต้นเสียงพบว่ามีคนนอนรอความตายเกลื่อน เขาเห็นนางกำนัลคนที่ร้องให้ช่วย แต่เมื่อตรวจดู คนที่นางกำนัลเรียกว่าพี่สาวนั้นได้ตายไปเสียแล้ว นางกำนัลเมื่อรู้ว่าพี่สาวตายก็ร้องไห้และพึมพำว่าจะต้องหาเสี่ยวเยว่ให้เจอให้ได้
เสี่ยวชวนกลับไปหาอวี้ซู่ อวี้ซู่ถามว่าข้างนอกเป็นอย่างไรกันบ้าง เสี่ยวชวนโกหกนางว่าตอนนี้ข้างนอกหายป่วยกันแล้ว อวี้ซู่ดีใจที่รู้ว่าโรคนี้รักษาได้และบอกว่าหากมีเสี่ยวชวนอยู่ข้าง ๆ นางต้องรอดตายแน่(อ้าว....ไหนว่าจะตายด้วยกันไง แล้วรักษากันทำไมเนี่ย?)
ขันทีคนหนึ่งบุกเข้ามาขอความช่วยเหลือจากเสี่ยวชวนที่เขาคิดว่าเป็นหมอ เสี่ยวชวนตวาดไล่ อวี้ซู่ถามว่าเรื่องอะไร ไม่ใช่หายดีกันแล้วหรือ ขันทีบอกว่าหายดีอะไร ตายกันไปหมดแล้ว อวี้ซู่ตกใจ เสี่ยวชวนรีบลากขันทีออกไป อวี้ซู่มองหน้าเสี่ยวชวนด้วยความสงสัย และถามว่านี่มันอะไรกัน
ตอนที่ 16
อวี้ซู่มองหน้าเสี่ยวชวนและถามว่านี่มันอะไรกัน โรคของนางจะรักษาหายไหม เสี่ยวชวนสารภาพว่ายามีเพื่อรักษานางเพียงคนเดียว เขาทรมานใจมากที่ต้องเห็นสายตาขอความช่วยเหลือของพวกนางกำนัลและขันที เขารู้สึกว่าเขาเห็นแก่ตัวเหลือเกินที่ต้องการรักษาเพียงอวี้ซู่คนเดียว ความทุกข์ของเขาที่ต้องเห็นคนอื่นตายโดยช่วยไม่ได้นั้นมันเจ็บปวดทรมานมาก แต่ขอเพียงครั้งนี้ ขอเขาเห็นแก่ตัวสักครั้ง
อวี้ซู่ได้ยินแล้วก็น้ำตาไหล บอกว่าความเจ็บปวดของเสี่ยวชวนนางขอร่วมรับไว้ด้วยกัน นางกอดเขาด้วยความรักและเห็นใจ นางบอกว่าขอให้เสี่ยวชวนมีชีวิตอยู่ต่อ ที่นางรักษาตัวเพียงเพราะอยากใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับเขา เสี่ยวชวนรับคำ กอดอวี้ซู่และร้องไห้ด้วยความเจ็บช้ำ ยาที่มีไว้รักษาเพียงคน ๆ เดียว เขาได้ใช้กับคนที่เขารักสุดหัวใจ
เสี่ยวชวนนั่งนิ่งมองซากศพเกลื่อนวัง ภาพเหล่านี้รบกวนจิตใจเขามาก เขาเดินไปที่ศพนางกำนัลซึ่งตายไปก่อนความหวังสุดท้ายจะสำเร็จ นางกำนัลที่ตามหาเสี่ยวเยว่ เสี่ยวชวนเก็บกำไลที่อยู่ในมือนางกำนัลขึ้นมา เขารอนิ้วที่จมูกนาง ไม่มีลมหายใจเสียแล้ว เสี่ยวชวนบอกเบา ๆ เหมือนให้คำสัญญาว่า “ความปรารถนาของท่าน ข้าจะช่วยหาเสี่ยวเยว่ให้พบ ข้าสัญญา”
ตอนเช้าเสี่ยวชวนดูแลองค์หญิงอวี้ซู่ ป้อนยาให้ หวีผมให้ พาออกไปเดินเล่น องค์หญิงร้องเพลงนั้นเบา ๆ ที่ริมระเบียง ทั้งสองมองทิวทัศน์อันสวยงามด้วยกัน อวี้ซู่ฮัมเพลงเบา ๆ
ทุกคืนโดนความเจ็บปวดปลุกให้ตื่น
ความคิดถึงก็ไม่มีจุดจบสิ้น…..
ที่แท้นางจำเพลงที่เสี่ยวชวนร้องให้ฟังได้
วันนี้เสี่ยวชวนทำอาหารมากมาย และหยอกล้อว่าตื่นเต้นที่จะได้ทานข้าวกับองค์หญิง การร่วมโต๊ะกับองค์หญิงนับเป็นครั้งแรกในชีวิต และเขาไม่เคยทำอาหารมาก่อน ไม่รู้ว่าจะอร่อยหรือไม่ องค์หญิงบอกว่าจะป้อนอาหารและดูแลเขาตอบแทน เสี่ยวชวนอ้าปากรอกิน เสี่ยวชวนเอามือถือมาถ่ายรูปคู่ของทั้งสองเอาไว้ ทั้งสองอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข
ด้านเหมิงเถียน เขาเป็นห่วงอวี้ซู่มาก คอยสืบข่าวตลอดเวลา และถามถึงเสี่ยวชวนผู้ฉีกประกาศเข้าไปรักษานางด้วยว่าเป็นอย่างไร ทหารรายงานว่าอาการของอวี้ซู่ไม่ดีขึ้นเลย ส่วนหมอที่เขาไปรักษาก็ไม่ได้ข่าว รู้แต่เพียงว่า วังของลี่เฟยเหนียงเหนียงตายกับเกือบหมดวังแล้ว
เสี่ยวชวนและอวี้ซู่ไม่อยากจากกันจึงแกล้งปล่อยข่าวเช่นนั้นออกไป และแล้ววันหนึ่งขณะกำลังเล่นกันอยู่ที่หน้าประตู หมอหลวงที่จิ๋นซีส่งมาดูอวี้ซู่มาถึง เสี่ยวชวนไม่อยากให้ใครรู้ว่านางหายดีแล้ว จึงให้อวี้ซู่แกล้งนอนป่วยลุกไม่ขึ้น โชคร้ายที่หมอหลวงตรวจพบ เสี่ยวชวนอารมณ์เสียจัด ปัดข้าวของร่วง อวี้ซู่ร้องได้เพราะถึงเวลาที่จะต้องจากกัน เสี่ยวชวนสอนให้อวี้ซู่เกี่ยวก้อยสัญญาว่า หากมีชีวิตอยู่จะต้องได้พบกันอีก
จิ๋นซีได้รับรายงานรีบมาทันที ท่านเมตตาอวี้ซู่มาก และบอกให้พักผ่อน เสี่ยวชวนโดนกีดกันออกจากอวี้ซู่ เขามองตามด้วยตาละห้อย ส่วนอวี้ซู่ก็ไม่ยอมทานอาหารเพราะโรคตรอมใจ จิ๋นซีเห็นเช่นนั้นจึงกังวลพระทัยอย่างยิ่ง สุดท้ายมีหัวหน้าขันทีมาแนะนำพ่อครัวฝีมือเอกอย่างเกาเย่าว่าทำอาหารอร่อยและแปลกอาจช่วยให้ชายาลี่เฟยอาการดีขึ้น จิ๋นซีเห็นพ้องจึงให้เข้าวังมาทำอาหารให้อวี้ซู่ทานเพื่อบำรุงร่างกาย
เกาเย่าถูกเบิกตัวเข้าวัง ตอนนี้เขารู้ว่าจะเอาตัวรอดอย่างไร เขาประจบหัวหน้าขันทีและให้สินบนนางกำนัลจนรู้ว่านางตรอมใจเพราะอาจมีชายในดวงใจอยู่แล้ว เกาเย่าทำอาหารเกี่ยวกับความรัก ความพลัดพรากและความคิดถึง อธิบายอาหารแต่ละจานเหมือนเตือนสติลี่เฟยเหนียงเหนียง ทำให้นางได้คิดและยอมทานอาหารทุกจานของเขา
อวี้ซู่ให้จิ๋นซีช่วยปูนบำเหน็จเกาเย่า นางคิดตกแล้วว่าต้องรักษาตัวให้ดีเพื่อรอพบกับเสี่ยวชวนให้ได้ หากยังมีชีวิตอยู่ก็จะได้เจอกันอีก เสี่ยวชวนสัญญากับนางไว้แล้ว และเขาก็ไม่เคยทำให้นางผิดหวังมาก่อนเลย เกาเย่าดีใจที่เขาทำสำเร็จและอ่านเกมส์ออก เขาได้รับแต่งตั้งเป็นหัวหน้าห้องเครื่องของเทวีชายาลี่เฟย
เกาเย่าได้ตำแหน่งใหญ่แทนหัวหน้าห้องเครื่องเดิมที่ทำงานมานาน 5 ปี หัวหน้าคนนี้เคยรังแกเขามาก่อน เกาเย่ากลับมาล้างแค้น ให้ทุกคนหากพบเห็นหัวหน้าคนนี้ต้องทุบตี เตะต่อย ใครไม่ยอมทำก็จะโดนแบบเดียวกัน ก็เลือกเอาว่าใครอยากเจ็บตัว มนุษย์มีสันดานเห็นแก่ตัวอยู่แล้ว พวกคนในห้องเครื่องจึงทุบตีหัวหน้าของตนอย่างไม่รีรอ นี่คือการล้างแค้นของเกาเย่า เขาเริ่มไต่เต้าทีละขั้นแล้ว เขาร้องบอกทุกคนให้เตรียมเครื่องเพื่อทำตุ๋นขาหมูน้ำแดง
ขาหมูน้ำแดง ตุ๋นจนได้ที่ส่งกลิ่นหอมกรุ่นไปทั่ว .............แม้ในยุคปัจจุบันก็ยังเป็นเมนูโปรด
ปี 2010 เกาหลานทำอาหารอยู่ในครัว เธอตุ๋นขาหมูน้ำแดงในหม้อตุ๋นด้วยความภาคภูมิใจ นี่เป็นสูตรเด็ดของตระกูลเกาเลยทีเดียว ต้าชวนได้กลิ่นหอมจึงเข้ามาดู และช่วยเกาหลานทำกับข้าว วันนี้ทั้งหมดนัดทำอาหารทานกัน หลังจากที่พ่อแม่ของต้า(เสี่ยว)ชวนแยกทางกันแล้ว ตอนนี้เป็นโอกาสเชื่อมสัมพันธภาพอันดี ทั้งสองจึงเรียกท่านมาทำอาหารทานด้วยกัน
ต้าชวนเรียนหนังสือเก่งเป็นด๊อกเตอร์ แต่ฝีมือหั่นผักไม่ได้เรื่อง เกาหลานตำหนิเขาและจะคิดบัญชีที่เขามาเปลี่ยนแปลงร่างนิยายของเธอตามใจ ต้าชวนบอกว่าเขาเขียนตัวเอกชายได้ดีกว่า ทั้งสองทะเลาะกัน จนตกลงกันว่าคนหนึ่งเขียนพระเอก คนหนึ่งเขียนนางเอกก็แล้วกัน แต่ตอนออกขายต้องใส่ชื่อเธอนำหน้า
พอดีมีเสียงทะเลาะกันดังแทรกขึ้นมา พ่อแม่ของต้าชวนมาพอดี ทั้งสองทะเลาะกันเรื่องเลือกซื้อกับข้าว เมื่อไม่ยอมลงแก่กัน เลยซื้อมาสองชุด และบอกให้ทำชุดที่ตัวเองซื้อมาก่อน เกาหลานร้องห้าม แกล้งทำเป็นโกรธแล้วเรียกต้าชวนเข้าห้องครัว บอกให้ทั้งสองเลิกทะเลาะกันแล้วรอกินที่เธอจะทำให้กินเอง
เกาหลานบอกให้ต้าชวนหาโอกาสเชื่อมสัมพันธ์ ต้าชวนคิดว่าเกาหลานโกรธจริง ๆ จึงบอกว่าพ่อ-แม่เขาทะเลาะกันแบบนี้ตลอด เกาหลานบอกว่าอย่างนี้อบอุ่นดี ทั้งสองแอบมองสองสามี-ภรรยา ความจริงแล้วพวกเขาก็เป็นห่วงเป็นใยกัน แต่ชอบขัดคอกันเรื่อยเหมือนลิ้นกับฟัน คุณนายอี้บอกว่าเมื่อยไหล่ หัวหน้าอี้แม้ปากจะต่อว่าแต่เขาก็นวดให้ภรรยา เมื่อต้าชวนและเกาหลานเห็นจึงสบายใจขึ้นและคิดว่าแผนของพวกเขามีหวัง
สามพ่อแม่ลูกทานอาหารที่เกาหลานทำอย่างเอร็ดอร่อย โดยเฉพาะต้าชวน เขาบอกว่าหลังจากเสี่ยวชวนหายตัวไป ไม่ได้กินอาหารอิ่ม-อร่อยมานานแล้ว และนึกไม่ถึงว่าเกาหลานทำอาหารอร่อยได้ขนาดนี้ คุณนายอี้ให้เกาหลานไปเปิดภัตตาคารแทนที่จะเปิดอู่ซ่อมรถดีกว่า เกาหลานบอกว่าตระกูลเกามีสูตรอาหารเด็ด ๆ โดยเฉพาะขาหมูตุ๋นน้ำแดง เธอเข้าครัวไปตักมาให้ทุกคนทาน แต่ไม่ยอมให้ต้าชวนทานเพราะต้องเชื่อมสัมพันธ์ของทั้งสองสามีภรรยาให้สำเร็จก่อน ถ้าทำสำเร็จแล้วเธอจะยอมทำอาหารโต๊ะใหญ่ให้ต้าชวนกินเลย
เธอยกขาหมูตุ๋นน้ำแดงที่หอมควันฉุยออกมา ต้าชวนมองตามตาละห้อย กลืนน้ำลายด้วยความอยากกิน แต่เกาหลานไม่ยอมเด็ดขาด ทั้งสองโดนคะยั้นคะยอให้ทาน คุณนายอี้ชมไม่ขาดปากว่าเกาหลานฝีมือดี ไม่ใช่แค่อร่อย แต่อร่อยมากเลย หัวหน้าอี้ก็ชมเปาะเช่นกัน อยู่ ๆ หัวหน้าอี้ก็มีอาการแปลก ๆ คุณนายอี้ก็ร่วงลงจากเก้าอี้
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
อวี้ซู่ได้ยินแล้วก็น้ำตาไหล บอกว่าความเจ็บปวดของเสี่ยวชวนนางขอร่วมรับไว้ด้วยกัน นางกอดเขาด้วยความรักและเห็นใจ นางบอกว่าขอให้เสี่ยวชวนมีชีวิตอยู่ต่อ ที่นางรักษาตัวเพียงเพราะอยากใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับเขา เสี่ยวชวนรับคำ กอดอวี้ซู่และร้องไห้ด้วยความเจ็บช้ำ ยาที่มีไว้รักษาเพียงคน ๆ เดียว เขาได้ใช้กับคนที่เขารักสุดหัวใจ
เสี่ยวชวนนั่งนิ่งมองซากศพเกลื่อนวัง ภาพเหล่านี้รบกวนจิตใจเขามาก เขาเดินไปที่ศพนางกำนัลซึ่งตายไปก่อนความหวังสุดท้ายจะสำเร็จ นางกำนัลที่ตามหาเสี่ยวเยว่ เสี่ยวชวนเก็บกำไลที่อยู่ในมือนางกำนัลขึ้นมา เขารอนิ้วที่จมูกนาง ไม่มีลมหายใจเสียแล้ว เสี่ยวชวนบอกเบา ๆ เหมือนให้คำสัญญาว่า “ความปรารถนาของท่าน ข้าจะช่วยหาเสี่ยวเยว่ให้พบ ข้าสัญญา”
ตอนเช้าเสี่ยวชวนดูแลองค์หญิงอวี้ซู่ ป้อนยาให้ หวีผมให้ พาออกไปเดินเล่น องค์หญิงร้องเพลงนั้นเบา ๆ ที่ริมระเบียง ทั้งสองมองทิวทัศน์อันสวยงามด้วยกัน อวี้ซู่ฮัมเพลงเบา ๆ
ทุกคืนโดนความเจ็บปวดปลุกให้ตื่น
ความคิดถึงก็ไม่มีจุดจบสิ้น…..
ที่แท้นางจำเพลงที่เสี่ยวชวนร้องให้ฟังได้
วันนี้เสี่ยวชวนทำอาหารมากมาย และหยอกล้อว่าตื่นเต้นที่จะได้ทานข้าวกับองค์หญิง การร่วมโต๊ะกับองค์หญิงนับเป็นครั้งแรกในชีวิต และเขาไม่เคยทำอาหารมาก่อน ไม่รู้ว่าจะอร่อยหรือไม่ องค์หญิงบอกว่าจะป้อนอาหารและดูแลเขาตอบแทน เสี่ยวชวนอ้าปากรอกิน เสี่ยวชวนเอามือถือมาถ่ายรูปคู่ของทั้งสองเอาไว้ ทั้งสองอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข
ด้านเหมิงเถียน เขาเป็นห่วงอวี้ซู่มาก คอยสืบข่าวตลอดเวลา และถามถึงเสี่ยวชวนผู้ฉีกประกาศเข้าไปรักษานางด้วยว่าเป็นอย่างไร ทหารรายงานว่าอาการของอวี้ซู่ไม่ดีขึ้นเลย ส่วนหมอที่เขาไปรักษาก็ไม่ได้ข่าว รู้แต่เพียงว่า วังของลี่เฟยเหนียงเหนียงตายกับเกือบหมดวังแล้ว
เสี่ยวชวนและอวี้ซู่ไม่อยากจากกันจึงแกล้งปล่อยข่าวเช่นนั้นออกไป และแล้ววันหนึ่งขณะกำลังเล่นกันอยู่ที่หน้าประตู หมอหลวงที่จิ๋นซีส่งมาดูอวี้ซู่มาถึง เสี่ยวชวนไม่อยากให้ใครรู้ว่านางหายดีแล้ว จึงให้อวี้ซู่แกล้งนอนป่วยลุกไม่ขึ้น โชคร้ายที่หมอหลวงตรวจพบ เสี่ยวชวนอารมณ์เสียจัด ปัดข้าวของร่วง อวี้ซู่ร้องได้เพราะถึงเวลาที่จะต้องจากกัน เสี่ยวชวนสอนให้อวี้ซู่เกี่ยวก้อยสัญญาว่า หากมีชีวิตอยู่จะต้องได้พบกันอีก
จิ๋นซีได้รับรายงานรีบมาทันที ท่านเมตตาอวี้ซู่มาก และบอกให้พักผ่อน เสี่ยวชวนโดนกีดกันออกจากอวี้ซู่ เขามองตามด้วยตาละห้อย ส่วนอวี้ซู่ก็ไม่ยอมทานอาหารเพราะโรคตรอมใจ จิ๋นซีเห็นเช่นนั้นจึงกังวลพระทัยอย่างยิ่ง สุดท้ายมีหัวหน้าขันทีมาแนะนำพ่อครัวฝีมือเอกอย่างเกาเย่าว่าทำอาหารอร่อยและแปลกอาจช่วยให้ชายาลี่เฟยอาการดีขึ้น จิ๋นซีเห็นพ้องจึงให้เข้าวังมาทำอาหารให้อวี้ซู่ทานเพื่อบำรุงร่างกาย
เกาเย่าถูกเบิกตัวเข้าวัง ตอนนี้เขารู้ว่าจะเอาตัวรอดอย่างไร เขาประจบหัวหน้าขันทีและให้สินบนนางกำนัลจนรู้ว่านางตรอมใจเพราะอาจมีชายในดวงใจอยู่แล้ว เกาเย่าทำอาหารเกี่ยวกับความรัก ความพลัดพรากและความคิดถึง อธิบายอาหารแต่ละจานเหมือนเตือนสติลี่เฟยเหนียงเหนียง ทำให้นางได้คิดและยอมทานอาหารทุกจานของเขา
อวี้ซู่ให้จิ๋นซีช่วยปูนบำเหน็จเกาเย่า นางคิดตกแล้วว่าต้องรักษาตัวให้ดีเพื่อรอพบกับเสี่ยวชวนให้ได้ หากยังมีชีวิตอยู่ก็จะได้เจอกันอีก เสี่ยวชวนสัญญากับนางไว้แล้ว และเขาก็ไม่เคยทำให้นางผิดหวังมาก่อนเลย เกาเย่าดีใจที่เขาทำสำเร็จและอ่านเกมส์ออก เขาได้รับแต่งตั้งเป็นหัวหน้าห้องเครื่องของเทวีชายาลี่เฟย
เกาเย่าได้ตำแหน่งใหญ่แทนหัวหน้าห้องเครื่องเดิมที่ทำงานมานาน 5 ปี หัวหน้าคนนี้เคยรังแกเขามาก่อน เกาเย่ากลับมาล้างแค้น ให้ทุกคนหากพบเห็นหัวหน้าคนนี้ต้องทุบตี เตะต่อย ใครไม่ยอมทำก็จะโดนแบบเดียวกัน ก็เลือกเอาว่าใครอยากเจ็บตัว มนุษย์มีสันดานเห็นแก่ตัวอยู่แล้ว พวกคนในห้องเครื่องจึงทุบตีหัวหน้าของตนอย่างไม่รีรอ นี่คือการล้างแค้นของเกาเย่า เขาเริ่มไต่เต้าทีละขั้นแล้ว เขาร้องบอกทุกคนให้เตรียมเครื่องเพื่อทำตุ๋นขาหมูน้ำแดง
ขาหมูน้ำแดง ตุ๋นจนได้ที่ส่งกลิ่นหอมกรุ่นไปทั่ว .............แม้ในยุคปัจจุบันก็ยังเป็นเมนูโปรด
ปี 2010 เกาหลานทำอาหารอยู่ในครัว เธอตุ๋นขาหมูน้ำแดงในหม้อตุ๋นด้วยความภาคภูมิใจ นี่เป็นสูตรเด็ดของตระกูลเกาเลยทีเดียว ต้าชวนได้กลิ่นหอมจึงเข้ามาดู และช่วยเกาหลานทำกับข้าว วันนี้ทั้งหมดนัดทำอาหารทานกัน หลังจากที่พ่อแม่ของต้า(เสี่ยว)ชวนแยกทางกันแล้ว ตอนนี้เป็นโอกาสเชื่อมสัมพันธภาพอันดี ทั้งสองจึงเรียกท่านมาทำอาหารทานด้วยกัน
ต้าชวนเรียนหนังสือเก่งเป็นด๊อกเตอร์ แต่ฝีมือหั่นผักไม่ได้เรื่อง เกาหลานตำหนิเขาและจะคิดบัญชีที่เขามาเปลี่ยนแปลงร่างนิยายของเธอตามใจ ต้าชวนบอกว่าเขาเขียนตัวเอกชายได้ดีกว่า ทั้งสองทะเลาะกัน จนตกลงกันว่าคนหนึ่งเขียนพระเอก คนหนึ่งเขียนนางเอกก็แล้วกัน แต่ตอนออกขายต้องใส่ชื่อเธอนำหน้า
พอดีมีเสียงทะเลาะกันดังแทรกขึ้นมา พ่อแม่ของต้าชวนมาพอดี ทั้งสองทะเลาะกันเรื่องเลือกซื้อกับข้าว เมื่อไม่ยอมลงแก่กัน เลยซื้อมาสองชุด และบอกให้ทำชุดที่ตัวเองซื้อมาก่อน เกาหลานร้องห้าม แกล้งทำเป็นโกรธแล้วเรียกต้าชวนเข้าห้องครัว บอกให้ทั้งสองเลิกทะเลาะกันแล้วรอกินที่เธอจะทำให้กินเอง
เกาหลานบอกให้ต้าชวนหาโอกาสเชื่อมสัมพันธ์ ต้าชวนคิดว่าเกาหลานโกรธจริง ๆ จึงบอกว่าพ่อ-แม่เขาทะเลาะกันแบบนี้ตลอด เกาหลานบอกว่าอย่างนี้อบอุ่นดี ทั้งสองแอบมองสองสามี-ภรรยา ความจริงแล้วพวกเขาก็เป็นห่วงเป็นใยกัน แต่ชอบขัดคอกันเรื่อยเหมือนลิ้นกับฟัน คุณนายอี้บอกว่าเมื่อยไหล่ หัวหน้าอี้แม้ปากจะต่อว่าแต่เขาก็นวดให้ภรรยา เมื่อต้าชวนและเกาหลานเห็นจึงสบายใจขึ้นและคิดว่าแผนของพวกเขามีหวัง
สามพ่อแม่ลูกทานอาหารที่เกาหลานทำอย่างเอร็ดอร่อย โดยเฉพาะต้าชวน เขาบอกว่าหลังจากเสี่ยวชวนหายตัวไป ไม่ได้กินอาหารอิ่ม-อร่อยมานานแล้ว และนึกไม่ถึงว่าเกาหลานทำอาหารอร่อยได้ขนาดนี้ คุณนายอี้ให้เกาหลานไปเปิดภัตตาคารแทนที่จะเปิดอู่ซ่อมรถดีกว่า เกาหลานบอกว่าตระกูลเกามีสูตรอาหารเด็ด ๆ โดยเฉพาะขาหมูตุ๋นน้ำแดง เธอเข้าครัวไปตักมาให้ทุกคนทาน แต่ไม่ยอมให้ต้าชวนทานเพราะต้องเชื่อมสัมพันธ์ของทั้งสองสามีภรรยาให้สำเร็จก่อน ถ้าทำสำเร็จแล้วเธอจะยอมทำอาหารโต๊ะใหญ่ให้ต้าชวนกินเลย
เธอยกขาหมูตุ๋นน้ำแดงที่หอมควันฉุยออกมา ต้าชวนมองตามตาละห้อย กลืนน้ำลายด้วยความอยากกิน แต่เกาหลานไม่ยอมเด็ดขาด ทั้งสองโดนคะยั้นคะยอให้ทาน คุณนายอี้ชมไม่ขาดปากว่าเกาหลานฝีมือดี ไม่ใช่แค่อร่อย แต่อร่อยมากเลย หัวหน้าอี้ก็ชมเปาะเช่นกัน อยู่ ๆ หัวหน้าอี้ก็มีอาการแปลก ๆ คุณนายอี้ก็ร่วงลงจากเก้าอี้
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
ตอนที่ 17
คุณนายอี้ร่วงลงจากเก้าอี้เมื่อเห็นสามีสลบไป จากนั้นก็ไม่รู้สึกตัวอีกเลย ต้าชวนกับเกาหลานตกใจมากรีบพาทั้งสองส่งโรงพยาบาลให้วุ่นวาย อีกด้านหนึ่งในห้องเสียงนั้นกระจายออกจากลำโพงที่คนชุดดำแอบฟัง ในมือของเขามีใบไม้ประหลาดชนิดหนึ่ง
ต้าชวนกับเกาหลานอยู่ที่โรงพยาบาล ทั้งสองพยายามคิดว่าคนป่วยกินอะไรเข้าไป หมอเข้ามาแจ้งว่าผลการตรวจสอบคือทั้งสองกินยานอนหลับชนิดรุนแรงเข้าไป ไม่มีอันตรายถึงชีวิต น่าจะกินใบพืชอะไรเข้าไป ให้ทั้งสองลองคิดดู เกาหลานกับต้าชวนสันนิษฐานว่าต้องเป็น “ขาหมูน้ำแดง” แน่ ๆ
ตอนนั้นเอง เสียงโทรศัพท์มือถือของต้าชวนดังขึ้น คนชุดดำโทรมาและแจ้งว่าหากต้าชวนไม่รีบหาทางเปิดกล่องโบราณ มัวแต่เอาเวลามานั่งกินข้าวรื่นเริงกัน นี่เป็นการสั่งสอนขั้นต้น ต้าชวนตกใจมากที่มีคนลึกลับโทรเข้าหาเบอร์ของเขาได้ คนชุดดำบอกว่าเขาเอายาใส่หม้ออาหารได้ คราวหน้าก็ต้องทำได้มากกว่านี้ จงระวังไว้ให้ดี
เกาหลานและต้าชวนทราบแล้วว่าเรื่องนี้ไม่ได้ล้อเล่น การหายตัวของเสี่ยวชวน-เกาเย่า กล่องโบราณ และเรื่องราวที่เกิดขึ้น มันซับซ้อนกว่าที่คิดจริง ๆ ทั้งสองแยกย้ายกันดูแลคนป่วย
3 วันผ่านไปคุณนายอี้ฟื้นขึ้นมาก่อน เห็นเกาหลานอยู่ข้าง ๆ เธอทบทวนความจำและจำได้ว่าตอนนั้นกำลังทานข้าวกันอย่างเอร็ดอร่อย เธอยังชมเกาหลานว่าทำกับข้าวเก่งกว่าแดจังกึม เธอคิดได้ว่าหัวหน้าอี้ล้มลง เธอขอให้เกาหลานพาไปหาสามี เกาหลานแอบดึงสายของเครื่องวัดคลื่นหัวใจออกทำให้เครื่องรายงานเป็นเส้นตรง คุณนายอี้เข้าใจว่าสามีตายจึงร้องไห้ยกใหญ่ สารภาพว่าเธอเสียใจที่ชอบทะเลาะกับเขา ต่อไปไม่กล้าทำแบบนั้นอีกแล้ว
ต้าชวนเข้ามาพอดี เกาหลานเล่าเรื่องให้ฟัง ต้าชวนปล่อยให้แม่ระบายเต็มที่ นางพยาบาลเข้ามาและต่อว่าว่าใครดึงเอาสายออก คุณนายอี้หันไปมองเกาหลาน คนทั้งสามออกไปนั่งในสวน เกาหลานขอโทษคุณนายอี้ แต่เธอบอกว่าดีที่เกาหลานทำแบบนี้ ทำให้เธอได้รู้ถึงความรู้สึกลึก ๆ ของตนเองและรู้จักรักษาคนที่รักไว้ดีกว่าให้ตายจากกันแล้วค่อยมาเสียใจภายหลัง ต้าชวนรู้สึกว่าความจริงแม่เขาก็รักพ่อมากเหมือนกัน การแยกกันอยู่ไม่ใช่พ่อลำบากคนเดียว แม่ก็ลำบากไม่น้อย เขาเริ่มเข้าใจแม่มากขึ้น แม่ลูกกอดกัน เกาหลานดีใจแทน และบอกว่าตัวเองไม่มีครอบครัวเลย พี่ชายก็หายสาบสูญไป คุณนายอี้กอดเธอไว้ทั้งรักทั้งสงสาร
ด้านคนชุดดำ ลอร่าเข้ามาหาและมองคนชุดดำอย่างพยายามที่จะค้นหา พร้อมทั้งบอกว่าจะช่วยเขาทุกอย่าง ไม่ทราบว่ามีความแค้นอะไรกับพวกต้าชวนจึงต้องทำอย่างนี้ ลอร่าบอกว่าเขาเป็นผู้มีพระคุณที่เลี้ยงเธอจนโตเหมือนญาติสนิทมีอะไรระบายให้เธอฟังได้ แต่คนชุดดำบอกว่า ผู้หญิงหลาย ๆ คนก็เคยขอเขาอย่างลอร่าเช่นกัน แต่ตายไปกันหมดแล้ว ลอร่าบอกขอลอง แต่คนชุดดำด่าว่าเธอมันโง่และเดินจากไป ลอร่าได้แต่เก็บระงับอารมณ์อันพลุ่งพล่านไว้ ลอร่ามองไปที่ตุ๊กตาโบราณ
ในห้องคนชุดดำมีตุ๊กตาโบราณ เป็นตุ๊กตายุคฉิน......
ยุคฉิน.....
ย้อนกลับไปที่ยุคฉินหมอชุยให้ซันเป่าแต่งตัวหวีผมให้เพราะจะเข้าวังไปตรวจอาการอวี้ซู่ เสี่ยวชวนไปด้วย ทั้งสองพบหน้ากันแต่ไม่สามารถใกล้ชิดกัน จึงมองกันอยู่ห่าง ๆ หมอชุยเตือนเสี่ยวชวนอย่าทำเรื่องเสีย เสี่ยวชวนยอมเชื่อฟัง อวี้ซู่บอกว่ามีพ่อครัวคนใหม่ทำอาหารอร่อยจึงประทานเลี้ยงแก่ทั้งสอง ตอนนี้เองเสี่ยวชวนก็ได้เจอกับเกาเย่าทั้งสองตกใจมาก แต่เก็บอาการเอาไว้ เกาเย่าขอตัวออกไปรอด้านนอก และดักพบเสี่ยวชวนตอนที่ทั้งสองออกจากวังลี่เฟยเหนียงเหนียง
เกาเย่าเล่าเรื่องของตนให้เสี่ยวชวนฟังและบอกว่าคนที่ทำร้ายทั้งคู่ก็คือหลิวปัง เสี่ยวชวนไม่ค่อยเชื่อ ทั้งสองดื่มเหล้าดีใจที่พบหน้ากัน เสี่ยวชวนพบว่าเกาเย่าที่ซื่อสัตย์เปลี่ยนไป หมอชุยที่ดื่มเหล้าด้วยก็รู้สึกเช่นกัน เกาเย่าบอกว่าเพราะเสี่ยวชวนไม่ระวังหลิวปังทำให้โดนทำร้าย แต่ต่อไปนี้เขาจะทำร้ายทุกคนและก้าวขึ้นไปกุมอำนาจเหนือคนอื่นให้ได้
หมอชุยเตือนให้เสี่ยวชวนระวังเกาเย่าให้ดี เขาเปลี่ยนไปแล้ว ตอนนี้ห้ามบอกเรื่องความรักของเขากับอวี้ซู่ให้ใครฟังเด็ดขาด แม้แต่เกาเย่าและซันเป่า เพราะเรื่องนี้อาจสร้างปัญหาใหญ่ให้แก่เสี่ยวชวนก็ได้
จิ๋นซีเข้ามาหาอวี้ซู่และถามอาการ ขันทีบอกว่านางร่างกายอ่อนแอ จิ๋นซีให้เอาไข่มุกราตรีมาบำรุง แต่พบว่าไข่มุกราตรีโดนขโมยไปจิ๋นซีกริ้วหนัก สั่งประหารคนเฝ้าไข่มุกทันที อวี้ซู่เห็นว่าจิ๋นซีกลุ้มใจไม่มีคนไว้ใจได้มาดูแลในวัง จึงแนะนำเกาเย่า จิ๋นซีเห็นด้วยจึงแต่งตั้งเกาเย่าเป็นหัวหน้าขันทีดูแลวังชั้นใน
เกาเย่าเป็นใหญ่แล้ว และได้รับคำสั่งให้หาตัวคนร้ายขโมยไข่มุกราตรี เกาเย่าพยายามสอบขันทีเล็กขันทีน้อยที่เกี่ยวข้องและให้ตีกันเองจนกว่าจะสารภาพ เกาเย่าตรวจพบรอกในห้องเก็บไข่มุกราตรี คนแรกที่เขาคิดถึงก็คือเสี่ยวชวน เกาเย่ารีบไปหาเสี่ยวชวน ชวนเสี่ยวชวนกินเหล้าและเลียบเคียงสอบถามเกี่ยวกับรอกที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุ เสี่ยวชวนต้องยอมรับแต่ไม่ได้บอกสาเหตุว่าทำไมเขาต้องทำเช่นนั้น
เกาเย่าบอกว่าโชคดีที่เสี่ยวชวนได้พี่ชายคนนี้มาตรวจสอบ หากเป็นคนอื่นเสี่ยวชวนคงถึงตาย เสี่ยชวนถามว่าเกาเย่าจะทำอย่างไร เกาเย่าบอก ต้องมีคนมารับโทษไป ตอนนี้บางคนก็ถูกกุดหัว ที่เหลือก็โดนม้าแยกร่าง ช่างปะไร เสี่ยวชวนตกใจว่าคนต้องมาตายเพราะเรื่องนี้มากมาย เขาไม่สบายใจเป็นอย่างมาก พึมพำว่า เป็นเพราะหมอชุย
เสี่ยวชวนรีบไปหาหมอชุยและต่อว่า ว่าหากไม่ใช่เพราะหมอชุยสั่งคงไม่ต้องมีคนมาตายไปมากมายอย่างนี้ อย่างน้อยก็ขันที 4 ศพแล้ว หมอชุยมองตาเขาและถามว่า ตอนจะทำเสี่ยวชวนไม่รู้เรื่องนี้หรือ ตอนนั้นเสี่ยวชวนรับปากทันที เคยนึกถึงใครบ้างไหม ในสมองมีแต่เรื่องของอวี้ซู่ ความรักทำให้คนเห็นแก่ตัว เสี่ยวชวนเองก็เป็นเช่นนั้น เสี่ยวชวนปฏิเสธไม่ได้ เขาเริ่มคิดว่าเขาทำผิดไปแล้ว แต่เพื่ออวี้ซู่เขายอมทุกอย่าง
หมอชุยบอกว่าตอนที่ซู่ซู่ตาย เขาก็เสียใจมาก การที่หมอคนหนึ่งต้องมาเบิ่งตาดูคนไข้ตายไปกับตา เสี่ยวชวนรู้หรือเปล่าว่าความรู้สึกเป็นอย่างไร หมอชุยน้ำตาไหล เสี่ยวชวนนิ่งอึ้งพูดไม่ออก หมอชุยบอกว่าคนคนหนึ่งไม่อาจช่วยคนทั้งหมดได้หรอก การที่เราช่วยเหลือคนที่เรารักเราห่วงใยได้ก็นับว่าโชคดีแล้ว เสี่ยวชวนนิ่งคิดและยอมรับอย่างสงบ หมอชุยให้เขาตำยาแทน ด้วยอารมณ์ที่ไม่ปรกติ เสี่ยวชวนตำยาจนครกยาแตกไปคามือ
ยุคปัจจุบัน...................
ครกยาที่แตกตอนนี้เป็นโบราณวัตถุในศูนย์วิจัยของหัวหน้าอี้ ตอนนี้เขาหายดีแล้ว สองพ่อลูกทำงานวิจัยต่อไป โดยจะทำการคืนโฉมหน้าให้กับศพหญิงโบราณที่มีสภาพสมบูรณ์ที่สุดเท่าที่เคยพบมาซากที่ขุดเจอ ทั้งสองใส่ซากหญิงงามไว้ในโลงแก้ว อีกไม่นานต้าชวนจะต้องเปิดสัมมนาครั้งใหญ่ เขาจะต้องมุ่งสมาธิทั้งหมดกับเรื่องนี้จึงปิดโทรศัพท์มุ่งแต่งานวิจัยอย่างเดียว
ต้าชวนกับเกาหลานอยู่ที่โรงพยาบาล ทั้งสองพยายามคิดว่าคนป่วยกินอะไรเข้าไป หมอเข้ามาแจ้งว่าผลการตรวจสอบคือทั้งสองกินยานอนหลับชนิดรุนแรงเข้าไป ไม่มีอันตรายถึงชีวิต น่าจะกินใบพืชอะไรเข้าไป ให้ทั้งสองลองคิดดู เกาหลานกับต้าชวนสันนิษฐานว่าต้องเป็น “ขาหมูน้ำแดง” แน่ ๆ
ตอนนั้นเอง เสียงโทรศัพท์มือถือของต้าชวนดังขึ้น คนชุดดำโทรมาและแจ้งว่าหากต้าชวนไม่รีบหาทางเปิดกล่องโบราณ มัวแต่เอาเวลามานั่งกินข้าวรื่นเริงกัน นี่เป็นการสั่งสอนขั้นต้น ต้าชวนตกใจมากที่มีคนลึกลับโทรเข้าหาเบอร์ของเขาได้ คนชุดดำบอกว่าเขาเอายาใส่หม้ออาหารได้ คราวหน้าก็ต้องทำได้มากกว่านี้ จงระวังไว้ให้ดี
เกาหลานและต้าชวนทราบแล้วว่าเรื่องนี้ไม่ได้ล้อเล่น การหายตัวของเสี่ยวชวน-เกาเย่า กล่องโบราณ และเรื่องราวที่เกิดขึ้น มันซับซ้อนกว่าที่คิดจริง ๆ ทั้งสองแยกย้ายกันดูแลคนป่วย
3 วันผ่านไปคุณนายอี้ฟื้นขึ้นมาก่อน เห็นเกาหลานอยู่ข้าง ๆ เธอทบทวนความจำและจำได้ว่าตอนนั้นกำลังทานข้าวกันอย่างเอร็ดอร่อย เธอยังชมเกาหลานว่าทำกับข้าวเก่งกว่าแดจังกึม เธอคิดได้ว่าหัวหน้าอี้ล้มลง เธอขอให้เกาหลานพาไปหาสามี เกาหลานแอบดึงสายของเครื่องวัดคลื่นหัวใจออกทำให้เครื่องรายงานเป็นเส้นตรง คุณนายอี้เข้าใจว่าสามีตายจึงร้องไห้ยกใหญ่ สารภาพว่าเธอเสียใจที่ชอบทะเลาะกับเขา ต่อไปไม่กล้าทำแบบนั้นอีกแล้ว
ต้าชวนเข้ามาพอดี เกาหลานเล่าเรื่องให้ฟัง ต้าชวนปล่อยให้แม่ระบายเต็มที่ นางพยาบาลเข้ามาและต่อว่าว่าใครดึงเอาสายออก คุณนายอี้หันไปมองเกาหลาน คนทั้งสามออกไปนั่งในสวน เกาหลานขอโทษคุณนายอี้ แต่เธอบอกว่าดีที่เกาหลานทำแบบนี้ ทำให้เธอได้รู้ถึงความรู้สึกลึก ๆ ของตนเองและรู้จักรักษาคนที่รักไว้ดีกว่าให้ตายจากกันแล้วค่อยมาเสียใจภายหลัง ต้าชวนรู้สึกว่าความจริงแม่เขาก็รักพ่อมากเหมือนกัน การแยกกันอยู่ไม่ใช่พ่อลำบากคนเดียว แม่ก็ลำบากไม่น้อย เขาเริ่มเข้าใจแม่มากขึ้น แม่ลูกกอดกัน เกาหลานดีใจแทน และบอกว่าตัวเองไม่มีครอบครัวเลย พี่ชายก็หายสาบสูญไป คุณนายอี้กอดเธอไว้ทั้งรักทั้งสงสาร
ด้านคนชุดดำ ลอร่าเข้ามาหาและมองคนชุดดำอย่างพยายามที่จะค้นหา พร้อมทั้งบอกว่าจะช่วยเขาทุกอย่าง ไม่ทราบว่ามีความแค้นอะไรกับพวกต้าชวนจึงต้องทำอย่างนี้ ลอร่าบอกว่าเขาเป็นผู้มีพระคุณที่เลี้ยงเธอจนโตเหมือนญาติสนิทมีอะไรระบายให้เธอฟังได้ แต่คนชุดดำบอกว่า ผู้หญิงหลาย ๆ คนก็เคยขอเขาอย่างลอร่าเช่นกัน แต่ตายไปกันหมดแล้ว ลอร่าบอกขอลอง แต่คนชุดดำด่าว่าเธอมันโง่และเดินจากไป ลอร่าได้แต่เก็บระงับอารมณ์อันพลุ่งพล่านไว้ ลอร่ามองไปที่ตุ๊กตาโบราณ
ในห้องคนชุดดำมีตุ๊กตาโบราณ เป็นตุ๊กตายุคฉิน......
ยุคฉิน.....
ย้อนกลับไปที่ยุคฉินหมอชุยให้ซันเป่าแต่งตัวหวีผมให้เพราะจะเข้าวังไปตรวจอาการอวี้ซู่ เสี่ยวชวนไปด้วย ทั้งสองพบหน้ากันแต่ไม่สามารถใกล้ชิดกัน จึงมองกันอยู่ห่าง ๆ หมอชุยเตือนเสี่ยวชวนอย่าทำเรื่องเสีย เสี่ยวชวนยอมเชื่อฟัง อวี้ซู่บอกว่ามีพ่อครัวคนใหม่ทำอาหารอร่อยจึงประทานเลี้ยงแก่ทั้งสอง ตอนนี้เองเสี่ยวชวนก็ได้เจอกับเกาเย่าทั้งสองตกใจมาก แต่เก็บอาการเอาไว้ เกาเย่าขอตัวออกไปรอด้านนอก และดักพบเสี่ยวชวนตอนที่ทั้งสองออกจากวังลี่เฟยเหนียงเหนียง
เกาเย่าเล่าเรื่องของตนให้เสี่ยวชวนฟังและบอกว่าคนที่ทำร้ายทั้งคู่ก็คือหลิวปัง เสี่ยวชวนไม่ค่อยเชื่อ ทั้งสองดื่มเหล้าดีใจที่พบหน้ากัน เสี่ยวชวนพบว่าเกาเย่าที่ซื่อสัตย์เปลี่ยนไป หมอชุยที่ดื่มเหล้าด้วยก็รู้สึกเช่นกัน เกาเย่าบอกว่าเพราะเสี่ยวชวนไม่ระวังหลิวปังทำให้โดนทำร้าย แต่ต่อไปนี้เขาจะทำร้ายทุกคนและก้าวขึ้นไปกุมอำนาจเหนือคนอื่นให้ได้
หมอชุยเตือนให้เสี่ยวชวนระวังเกาเย่าให้ดี เขาเปลี่ยนไปแล้ว ตอนนี้ห้ามบอกเรื่องความรักของเขากับอวี้ซู่ให้ใครฟังเด็ดขาด แม้แต่เกาเย่าและซันเป่า เพราะเรื่องนี้อาจสร้างปัญหาใหญ่ให้แก่เสี่ยวชวนก็ได้
จิ๋นซีเข้ามาหาอวี้ซู่และถามอาการ ขันทีบอกว่านางร่างกายอ่อนแอ จิ๋นซีให้เอาไข่มุกราตรีมาบำรุง แต่พบว่าไข่มุกราตรีโดนขโมยไปจิ๋นซีกริ้วหนัก สั่งประหารคนเฝ้าไข่มุกทันที อวี้ซู่เห็นว่าจิ๋นซีกลุ้มใจไม่มีคนไว้ใจได้มาดูแลในวัง จึงแนะนำเกาเย่า จิ๋นซีเห็นด้วยจึงแต่งตั้งเกาเย่าเป็นหัวหน้าขันทีดูแลวังชั้นใน
เกาเย่าเป็นใหญ่แล้ว และได้รับคำสั่งให้หาตัวคนร้ายขโมยไข่มุกราตรี เกาเย่าพยายามสอบขันทีเล็กขันทีน้อยที่เกี่ยวข้องและให้ตีกันเองจนกว่าจะสารภาพ เกาเย่าตรวจพบรอกในห้องเก็บไข่มุกราตรี คนแรกที่เขาคิดถึงก็คือเสี่ยวชวน เกาเย่ารีบไปหาเสี่ยวชวน ชวนเสี่ยวชวนกินเหล้าและเลียบเคียงสอบถามเกี่ยวกับรอกที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุ เสี่ยวชวนต้องยอมรับแต่ไม่ได้บอกสาเหตุว่าทำไมเขาต้องทำเช่นนั้น
เกาเย่าบอกว่าโชคดีที่เสี่ยวชวนได้พี่ชายคนนี้มาตรวจสอบ หากเป็นคนอื่นเสี่ยวชวนคงถึงตาย เสี่ยชวนถามว่าเกาเย่าจะทำอย่างไร เกาเย่าบอก ต้องมีคนมารับโทษไป ตอนนี้บางคนก็ถูกกุดหัว ที่เหลือก็โดนม้าแยกร่าง ช่างปะไร เสี่ยวชวนตกใจว่าคนต้องมาตายเพราะเรื่องนี้มากมาย เขาไม่สบายใจเป็นอย่างมาก พึมพำว่า เป็นเพราะหมอชุย
เสี่ยวชวนรีบไปหาหมอชุยและต่อว่า ว่าหากไม่ใช่เพราะหมอชุยสั่งคงไม่ต้องมีคนมาตายไปมากมายอย่างนี้ อย่างน้อยก็ขันที 4 ศพแล้ว หมอชุยมองตาเขาและถามว่า ตอนจะทำเสี่ยวชวนไม่รู้เรื่องนี้หรือ ตอนนั้นเสี่ยวชวนรับปากทันที เคยนึกถึงใครบ้างไหม ในสมองมีแต่เรื่องของอวี้ซู่ ความรักทำให้คนเห็นแก่ตัว เสี่ยวชวนเองก็เป็นเช่นนั้น เสี่ยวชวนปฏิเสธไม่ได้ เขาเริ่มคิดว่าเขาทำผิดไปแล้ว แต่เพื่ออวี้ซู่เขายอมทุกอย่าง
หมอชุยบอกว่าตอนที่ซู่ซู่ตาย เขาก็เสียใจมาก การที่หมอคนหนึ่งต้องมาเบิ่งตาดูคนไข้ตายไปกับตา เสี่ยวชวนรู้หรือเปล่าว่าความรู้สึกเป็นอย่างไร หมอชุยน้ำตาไหล เสี่ยวชวนนิ่งอึ้งพูดไม่ออก หมอชุยบอกว่าคนคนหนึ่งไม่อาจช่วยคนทั้งหมดได้หรอก การที่เราช่วยเหลือคนที่เรารักเราห่วงใยได้ก็นับว่าโชคดีแล้ว เสี่ยวชวนนิ่งคิดและยอมรับอย่างสงบ หมอชุยให้เขาตำยาแทน ด้วยอารมณ์ที่ไม่ปรกติ เสี่ยวชวนตำยาจนครกยาแตกไปคามือ
ยุคปัจจุบัน...................
ครกยาที่แตกตอนนี้เป็นโบราณวัตถุในศูนย์วิจัยของหัวหน้าอี้ ตอนนี้เขาหายดีแล้ว สองพ่อลูกทำงานวิจัยต่อไป โดยจะทำการคืนโฉมหน้าให้กับศพหญิงโบราณที่มีสภาพสมบูรณ์ที่สุดเท่าที่เคยพบมาซากที่ขุดเจอ ทั้งสองใส่ซากหญิงงามไว้ในโลงแก้ว อีกไม่นานต้าชวนจะต้องเปิดสัมมนาครั้งใหญ่ เขาจะต้องมุ่งสมาธิทั้งหมดกับเรื่องนี้จึงปิดโทรศัพท์มุ่งแต่งานวิจัยอย่างเดียว
ตอนที่ 18
เกาหลานติดต่อต้าชวนไม่ได้ จึงมาหาที่สถานีวิจัย ต้าชวนบอกว่ามีงานสำคัญต้องทำ จึงต้องปิดโทรศัพท์ เกาหลานถามว่างานอะไร ต้าชวนบอกว่าเป็นหัวข้อทำด๊อกเตอร์ของเขาเรื่องวิจัยโฉมงาม เกาหลานได้ยินรู้สึกว่าต้าชวนจะวิจัยเกี่ยวกับผู้หญิงสวย ๆ จึงรู้สึกไม่ค่อยพอใจ พอทราบว่าเป็นสาวงามซากที่เจอนั้นก็สนใจและบอกว่าขอเข้าร่วมงานวิจัยด้วย เธอเดาว่าไม่แน่สาวงามคนนี้อาจเป็นเจ้าของกล่องโบราณล้ำค่านั่นก็ได้
ในวันสัมมนา หัวหน้าอี้และคุณนายอี้เริ่มคุยกันดี ๆ อย่างเข้าใจกันแล้ว ต้าชวนเตรียมข้อมูลเต็มที่ ทันใดนั้นเกาหลานก็มาปรากฏตัว ต้าชวนไล่เธอไปแต่เธอไม่ยอมไป จะเข้ามาร่วมสัมมนาด้วยจนได้ งานนี้ไม่ได้เปิดให้คนข้างนอกเข้า มีแต่ผู้เชี่ยวชาญที่เข้าร่วมฟัง เกาหลานออกปากทักทายทุกคน ผู้เชี่ยวชาญเข้าใจว่าเกาหลานเป็นคนที่ได้รับเชิญเข้าร่วมสัมมนาด้วยก็ชื่นชมที่เธอเก่งได้เป็นผู้เชี่ยวชาญตั้งแต่อายุยังน้อยเกาหลานฟังทฤษฏีของต้าชวนจนนอนหลับไปคาโต๊ะสัมมนา ต้าชวนเริ่มใช้คอมพิวเตอร์ฟื้นโฉมหน้าของศพสาวงาม คอมพิวเตอร์ประมวลผล หน้าตาของเธอเหมือนกับเกาหลานไม่มีผิด ทุกคนต่างตกตะลึง ต้าชวนให้คุณนายอี้ที่นั่งข้าง ๆ เกาหลานปลุกเธอให้ตื่น เกาหลานเห็นภาพนางงามก็ตกใจและด่าว่าต้าชวนที่เอาหน้าเธอไปเล่นกับศพหญิงงาม เธออาละวาดด่าต้าชวนต่อหน้าทุกคน ในห้องเต็มไปด้วยเสียงวิจารณ์จากผู้เชี่ยวชาญทั้งหลาย
ในวันสัมมนา หัวหน้าอี้และคุณนายอี้เริ่มคุยกันดี ๆ อย่างเข้าใจกันแล้ว ต้าชวนเตรียมข้อมูลเต็มที่ ทันใดนั้นเกาหลานก็มาปรากฏตัว ต้าชวนไล่เธอไปแต่เธอไม่ยอมไป จะเข้ามาร่วมสัมมนาด้วยจนได้ งานนี้ไม่ได้เปิดให้คนข้างนอกเข้า มีแต่ผู้เชี่ยวชาญที่เข้าร่วมฟัง เกาหลานออกปากทักทายทุกคน ผู้เชี่ยวชาญเข้าใจว่าเกาหลานเป็นคนที่ได้รับเชิญเข้าร่วมสัมมนาด้วยก็ชื่นชมที่เธอเก่งได้เป็นผู้เชี่ยวชาญตั้งแต่อายุยังน้อยเกาหลานฟังทฤษฏีของต้าชวนจนนอนหลับไปคาโต๊ะสัมมนา ต้าชวนเริ่มใช้คอมพิวเตอร์ฟื้นโฉมหน้าของศพสาวงาม คอมพิวเตอร์ประมวลผล หน้าตาของเธอเหมือนกับเกาหลานไม่มีผิด ทุกคนต่างตกตะลึง ต้าชวนให้คุณนายอี้ที่นั่งข้าง ๆ เกาหลานปลุกเธอให้ตื่น เกาหลานเห็นภาพนางงามก็ตกใจและด่าว่าต้าชวนที่เอาหน้าเธอไปเล่นกับศพหญิงงาม เธออาละวาดด่าต้าชวนต่อหน้าทุกคน ในห้องเต็มไปด้วยเสียงวิจารณ์จากผู้เชี่ยวชาญทั้งหลาย
** ขอนิดนะ ต้าชวนเองก็ทำงานวิจัยมาตลอด ก่อนเอาไปโชว์ไม่ดูก่อนหรือว่าสาวงามหน้าตาเป็นอย่างไร ไม่อยากรู้เลยเหรอ? ไม่เช็คก่อนเลยหรือ? ไปรู้ในงานจนโดนเกาหลานแหกหน้าแบบนี้ สมน้ำหน้าจริง ๆ
ทุกคนมองหน้าต้าชวน ต้าชวนบอกว่าเป็นงานของแผนกคอมพิวเตอร์ เขาไม่เคยเห็นมาก่อน พวกนักคอมพ์ฯก็ไม่รู้จักเกาหลานมาก่อนเลย ไม่น่าจะเกิดการล้อเล่นกันได้ คืนนั้นต้าชวนเปิดเน็ตฯคุยกับเพื่อนที่ใช้ชื่อล็อคอินว่า เชียนเหนียนเหล่าเยา อีกครั้ง เขาไม่เข้าใจว่าทำไมมีคนหน้าเหมือนกันได้แบบนี้ ไม่รู้คอมพิวเตอร์ประมวลผลิดหรือเปล่า?
ใบหน้าของซากสาวงามโบราณที่คอมพิวเตอร์ประมวลผลออกมา
เชียนเหนียนเหล่าเยาให้ต้าชวนลองเปลี่ยนค่าด้านอื่น ๆ เผื่อจะได้ผลที่แตกต่าง แต่ต้าชวนบอกว่าเปลี่ยนหมดแล้ว ถ้าจะเปลี่ยนอีกคงต้องเปลี่ยนค่าเพศของซากโบราณแล้ว ตอนที่ต้าชวนกำลังคุยอย่างมีสมาธินี้เอง ข้าง ๆ ก็มีหญิงสาวผมขาว วูบไปวูบมา เข้ามาใกล้เขาทุกที ๆ
ต้าชวนกำลังคิดเพลิน ๆ อยู่ ๆ หญิงสาวผมขาวก็มาหยุดตรงหน้า เขารู้ทันทีว่าเป็นเกาหลาน เขากำลังคิดว่าหรือยุคโบราณก็มีเกาหลานด้วย เกาหลานรู้สึกขัดใจที่ต้าชวนรู้ทัน เธอบอกว่าเกาหลานในยุคโบราณที่ต้าชวนบอกจะต้องเป็นสาวงามเพียบพร้อม จิตใจงดีงาม และยอมตายเพื่อความรัก เพราะคนที่ตายเพราะความรักได้มันน่าจะสร้างความซาบซึ้งได้ เธอจะเอาไปเขียนในนิยายแบบนี้แหละ แต่ต้าชวนบอกว่าอะไรที่ความจริงไม่ใช่เช่นนั้น แต่หวังอยากจะเป็นก็มักถูกเขียนลงไปในหนังสือนั่นแหละ เกาหลานบอกว่าต้าชวนไม่เข้าใจหรอก เธอจะลองเขียนให้เกาหลานเวอร์ชั่นโบราณเป็น...............
สาวงามที่เพียบพร้อมทั้งรูปสมบัติคุณสมบัติ และยอมตายเพื่อความรัก..................
กลับไปที่ยุคฉิน..........
เกาเย่ารู้ว่าจิ๋นซีกุมอำนาจอีกไม่นานจึงไปหาข้อมูลของเจ้าเกาในห้องเก็บประวัติ แต่หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ เขาได้ยินเสียงโวยวาย ขันทีกำลังด่านางกำนัล เสียงดังจนเขาต้องเข้าไปดูและไล่ขันทีไปเสีย เขาต้องดีใจแทบคลั่งเมื่อเห็นว่านางกำนัลมีหน้าตาเหมือนกับเกาหลานอย่างกับพิมพ์เดียวกัน เขานึกว่าเกาหลานเจาะเวลามาตามเขากลับไป แต่นางบอกว่าไม่ใช่ นางเป็นคนรัฐฉู่ชื่อเสี่ยวเยว่(小月ดวงจันทร์)
ต้าชวนกำลังคิดเพลิน ๆ อยู่ ๆ หญิงสาวผมขาวก็มาหยุดตรงหน้า เขารู้ทันทีว่าเป็นเกาหลาน เขากำลังคิดว่าหรือยุคโบราณก็มีเกาหลานด้วย เกาหลานรู้สึกขัดใจที่ต้าชวนรู้ทัน เธอบอกว่าเกาหลานในยุคโบราณที่ต้าชวนบอกจะต้องเป็นสาวงามเพียบพร้อม จิตใจงดีงาม และยอมตายเพื่อความรัก เพราะคนที่ตายเพราะความรักได้มันน่าจะสร้างความซาบซึ้งได้ เธอจะเอาไปเขียนในนิยายแบบนี้แหละ แต่ต้าชวนบอกว่าอะไรที่ความจริงไม่ใช่เช่นนั้น แต่หวังอยากจะเป็นก็มักถูกเขียนลงไปในหนังสือนั่นแหละ เกาหลานบอกว่าต้าชวนไม่เข้าใจหรอก เธอจะลองเขียนให้เกาหลานเวอร์ชั่นโบราณเป็น...............
สาวงามที่เพียบพร้อมทั้งรูปสมบัติคุณสมบัติ และยอมตายเพื่อความรัก..................
กลับไปที่ยุคฉิน..........
เกาเย่ารู้ว่าจิ๋นซีกุมอำนาจอีกไม่นานจึงไปหาข้อมูลของเจ้าเกาในห้องเก็บประวัติ แต่หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ เขาได้ยินเสียงโวยวาย ขันทีกำลังด่านางกำนัล เสียงดังจนเขาต้องเข้าไปดูและไล่ขันทีไปเสีย เขาต้องดีใจแทบคลั่งเมื่อเห็นว่านางกำนัลมีหน้าตาเหมือนกับเกาหลานอย่างกับพิมพ์เดียวกัน เขานึกว่าเกาหลานเจาะเวลามาตามเขากลับไป แต่นางบอกว่าไม่ใช่ นางเป็นคนรัฐฉู่ชื่อเสี่ยวเยว่(小月ดวงจันทร์)
เสี่ยวเยว่หน้าตาเหมือนเกาหลานไม่มีผิด
เกาเย่าตรวจสอบดูพบว่าเธอไม่ใช่เกาหลานจริง ๆ เขาบอกให้นางเรียกเขาว่าพี่ชายเสียงดัง ๆ และบอกว่าต่อไปนี้จะดูแลนางเอง เสี่ยวเยว่บอกว่านางมีพี่สาวสองคนที่อยู่ในวังนี้แต่ไม่มีพี่ชาย เกาเย่าไม่สนใจให้นางเรียกเขาว่า “เหล่าเกอ”(老歌พี่ชาย) เหมือนกับที่เกาหลานชอบเรียก
เกาเย่าทำอาหารของโปรดให้เสี่ยวเยว่กิน นางรู้สึกดีใจที่มีคนมารักและเอาใจใส่จึงบอกว่าจะรับใช้เกาเย่าด้วยความซื่อสัตย์ตลอดไป เกาเย่าพอใจมาก
หมอชุยจะเดินทางเข้าวังไปตรวจอาการของลี่เฟยเหนียงเหนียงอีก เสี่ยวชวนเห็นหมอชุยพิถีพิถันการแต่งตัวก็ทราบได้จึงขอตามเข้าไปด้วย หมอชุยไม่ยอมเพราะอาจทำให้อวี้ซู่ต้องมีอันตราย เสี่ยวชวนเห็นด้วย ลำพังตัวเขาไม่เท่าไหร่ แต่หากอวี้ซู่โดนเปิดโปงว่ามีชายคนรักอยู่แล้ว ประเทศชาติของนางอาจมีภัย เสี่ยวชวนคิดถึงอวี้ซู่ยังทำได้ แต่อวี้ซู่อยู่ในวังได้แต่เงียบ ๆ ทั้ง ๆ ที่คิดถึงแทบตาย อย่างนี้ใครทรมานกว่ากัน เสี่ยวชวนจึงยอมเชื่อตามที่หมอชุยบอก เขานั่งคิดเงียบ ๆ พลันมีคนมาเชิญตัวเขาไป บอกว่าเกาเย่าเรียกหา
เสี่ยวชวนไปหาเกาเย่าที่โรงเตี้ยม เกาเย่าพยายามก๊งเหล้ากับเสี่ยวชวนแก้วแล้วแก้วเล่า ระบายความในใจกันไป เสี่ยวชวนคอไม่แข็งจึงเมาหลับไป ไม่รู้ว่าหลับไปนานเท่าไหร่เสี่ยวชวนรู้สึกว่าโดนน้ำสาด เขาเห็นเกาหลานจึงรู้สึกตกใจมากถามเธอว่ามาได้อย่างไร เธอด่าว่าเสี่ยวชวนและบอกว่าไปหลีหญิงอีกแล้วล่ะสิ เสี่ยวชวนเจาะเวลาได้ ทำไมเธอจะทำบ้างไม่ได้ เสี่ยวชวนไม่รู้ว่าตัวเองฝันไปหรือเปล่าเลยจับหน้าของเกาหลานมาดูชัด ๆ
เกาหลานตบหน้าเสี่ยวชวนด้วยความเอียงอายและหลบไป ที่แท้นางคือเสี่ยวเยว่ที่ถูกเกาเย่าให้สวมเสื้อสมัยใหม่และเสี้ยมสอนให้ทำแบบนี้ เกาเย่าปรากฏตัวออกมา และบอกว่านี่คือน้องสาวของเขาเกาหลาน เธอจะมาพาทั้งสองกลับไปที่ยุคปัจจุบัน เสี่ยวชวนบอกเกาเย่าว่าให้ทั้งสองกลับไปเถอะ ตัวเขาจะอยู่ที่นี่
** ตรงนี้เกาหลานตัวปลอมใส่เสื้อแขนยาวสีขาวแบบยุคปัจจุบัน แต่ดันใส่เสื้อในสีดำ โอโห้.....เกาเย่าเก่งจังตัดบราให้เกาหลานตัวปลอมเสียด้วย จุดนี้ เห็นชัดมากเสื้อในสีดำ เขาสารภาพกับเกาเย่าว่าเขามีคนรักแล้ว ขอโทษเกาหลานด้วย เขาจะอยู่ที่นี่ เกาเย่าถามว่านอกจากซู่ซู่แล้วยังมีคนอื่นอีกหรือ เจ้าชู้สิ้นดี เสี่ยวเยว่รู้สึกซาบซึ้งที่เสี่ยวชวนมีรักอันมั่นคง เกาเย่าด่าว่าเสี่ยวชวนหลายใจ น้องสาวเขาอุตส่าห์มาหาจากยุคปัจจุบันยังจะสลัดรักเธออีก เสี่ยวชวนพูดไม่ออก
เกาเย่าทำอาหารของโปรดให้เสี่ยวเยว่กิน นางรู้สึกดีใจที่มีคนมารักและเอาใจใส่จึงบอกว่าจะรับใช้เกาเย่าด้วยความซื่อสัตย์ตลอดไป เกาเย่าพอใจมาก
หมอชุยจะเดินทางเข้าวังไปตรวจอาการของลี่เฟยเหนียงเหนียงอีก เสี่ยวชวนเห็นหมอชุยพิถีพิถันการแต่งตัวก็ทราบได้จึงขอตามเข้าไปด้วย หมอชุยไม่ยอมเพราะอาจทำให้อวี้ซู่ต้องมีอันตราย เสี่ยวชวนเห็นด้วย ลำพังตัวเขาไม่เท่าไหร่ แต่หากอวี้ซู่โดนเปิดโปงว่ามีชายคนรักอยู่แล้ว ประเทศชาติของนางอาจมีภัย เสี่ยวชวนคิดถึงอวี้ซู่ยังทำได้ แต่อวี้ซู่อยู่ในวังได้แต่เงียบ ๆ ทั้ง ๆ ที่คิดถึงแทบตาย อย่างนี้ใครทรมานกว่ากัน เสี่ยวชวนจึงยอมเชื่อตามที่หมอชุยบอก เขานั่งคิดเงียบ ๆ พลันมีคนมาเชิญตัวเขาไป บอกว่าเกาเย่าเรียกหา
เสี่ยวชวนไปหาเกาเย่าที่โรงเตี้ยม เกาเย่าพยายามก๊งเหล้ากับเสี่ยวชวนแก้วแล้วแก้วเล่า ระบายความในใจกันไป เสี่ยวชวนคอไม่แข็งจึงเมาหลับไป ไม่รู้ว่าหลับไปนานเท่าไหร่เสี่ยวชวนรู้สึกว่าโดนน้ำสาด เขาเห็นเกาหลานจึงรู้สึกตกใจมากถามเธอว่ามาได้อย่างไร เธอด่าว่าเสี่ยวชวนและบอกว่าไปหลีหญิงอีกแล้วล่ะสิ เสี่ยวชวนเจาะเวลาได้ ทำไมเธอจะทำบ้างไม่ได้ เสี่ยวชวนไม่รู้ว่าตัวเองฝันไปหรือเปล่าเลยจับหน้าของเกาหลานมาดูชัด ๆ
เกาหลานตบหน้าเสี่ยวชวนด้วยความเอียงอายและหลบไป ที่แท้นางคือเสี่ยวเยว่ที่ถูกเกาเย่าให้สวมเสื้อสมัยใหม่และเสี้ยมสอนให้ทำแบบนี้ เกาเย่าปรากฏตัวออกมา และบอกว่านี่คือน้องสาวของเขาเกาหลาน เธอจะมาพาทั้งสองกลับไปที่ยุคปัจจุบัน เสี่ยวชวนบอกเกาเย่าว่าให้ทั้งสองกลับไปเถอะ ตัวเขาจะอยู่ที่นี่
** ตรงนี้เกาหลานตัวปลอมใส่เสื้อแขนยาวสีขาวแบบยุคปัจจุบัน แต่ดันใส่เสื้อในสีดำ โอโห้.....เกาเย่าเก่งจังตัดบราให้เกาหลานตัวปลอมเสียด้วย จุดนี้ เห็นชัดมากเสื้อในสีดำ เขาสารภาพกับเกาเย่าว่าเขามีคนรักแล้ว ขอโทษเกาหลานด้วย เขาจะอยู่ที่นี่ เกาเย่าถามว่านอกจากซู่ซู่แล้วยังมีคนอื่นอีกหรือ เจ้าชู้สิ้นดี เสี่ยวเยว่รู้สึกซาบซึ้งที่เสี่ยวชวนมีรักอันมั่นคง เกาเย่าด่าว่าเสี่ยวชวนหลายใจ น้องสาวเขาอุตส่าห์มาหาจากยุคปัจจุบันยังจะสลัดรักเธออีก เสี่ยวชวนพูดไม่ออก
เสี่ยวเยว่าเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นแบบสมัยโบราณเหมือนเดิม และแนะนำตัวเองว่าชื่อเสี่ยวเยว่ เสี่ยวชวนนึกถึงนางกำนัลที่ตามหาน้องสาวทันที เขาเล่าเรื่องพี่สาวทั้งสองให้เสี่ยวเยว่ฟัง และมอบกำไลให้นาง เสี่ยวเยว่ขอบคุณเสี่ยวชวนที่นำของมามอบให้จนถึงมือและเล่าเรื่องราวของพี่สาวให้ฟัง
คืนนั้นเกาเย่าสั่งให้เสี่ยวเยว่จำให้ขึ้นใจว่า ลี่เฟยเหนียงเหนียงชอบหรือไม่ชอบอะไร เสี่ยวเยว่าบอกว่าเกาเย่าให้ทำอะไรนางก็ทำอย่างนั้นโดยไม่บ่ายเบี่ยง อยู่ในวัง กำลังคุยกับดวงจันทร์รำถึงถึงพี่สาวที่จากไปทั้งสอง เสี่ยวเยว่เห็นลี่เฟยเหนียงเหนียงมองพระจันทร์เหมือนนึกถึงใครบางคน ลี่เฟยเหนียงเหนียงยังร้องเพลงที่ไพเราะมาก เสี่ยวเยว่ ไม่รู้ว่าเป็นเพลงอะไร
อวี้ซู่ปล่อยอารมณ์ให้ส่งไปกับเพลง นางไม่รู้ว่าเสี่ยวชวนกำลังคิดถึงนางอยู่หรือเปล่า ด้านเสี่ยวชวนเขาหยิบโทรศัพท์มือถือ(ที่แบตไม่หมดสักที)ออกมาอัดคลิปของตัวเอง เขาจะอัดความคิดถึงของเขาเก็บไว้ทุกวันที่คิดถึงอวี้ซู่(แล้วเมมโมรี่จะพอหรือ ไม่ได้ถ่ายคลิปออกเสียด้วย เหอ เหอ เหอ คงเป็นเมมโมรี่ที่ใหญ่มาก ฮ่า ฮ่า ฮ่า Bravo LG Mobile! )
เช้าแล้วเสี่ยวชวนฝึกหมัดเมากับหมอชุย หมอชุยชมว่าเขาเก่งขึ้นมาก เสี่ยวชวนบอกว่าเขาไม่ได้เมาเพราะฝึกกระบี่แต่เมาเพราะอยากเมา หมอชุยรู้สึกว่าเสี่ยวชวนจับเคล็ดของวิชากระบี่เมาได้แล้ว ฝึกแล้วจะต้องก้าวหน้ากว่านี้ ตอนนั้นเอง ซันเป่าก็โวยวายวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาบอกว่าเกิดเรื่องใหญ่แล้ว….
ตอนที่ 19
ซันเป่าโวยวายบอกว่าเกิดเรื่องใหญ่แล้ว องค์ชายฟู๋ซูต้องการหาคนดีมีฝีมือจึงจัดการชุมนุมรวมพลคนมีปัญญาขึ้น ทั้งหมอชุยและเสี่ยวชวนไม่เห็นจะสนใจ ถกวิชาที่ฝึกกันต่อไป
เซี่ยงหวี่และเซี่ยงเหลียงได้ข่าวว่าองค์ชายฟู๋ซูรับสมัครคนมีฝีมือจึงคิดไปร่วมงานด้วย ด้านหลิวปังเมื่อกลับมาถึงเมืองเพ่ยเสี้ยนก็ทราบข่าวจากประกาศเหมือนกัน หลิวปังเห็นว่าผ่านมาหนึ่งปีแล้วที่วางแผนส่งให้เสี่ยวชวนไปสร้างกำแพงเมืองจีนและเสี่ยวชวนคงจะไม่กลับมาแล้ว ครั้งนี้เขากลับมาที่เมืองเพ่ยเสี้ยนเพื่อจะสู่ขอหลู่จื้ออย่างเป็นเรื่องเป็นราว
หลิวปังได้มาหาหลู่กง เล่าเรื่องการเดินทางของตนให้ฟัง หลู่กงบอกว่าได้ยินเรื่องร่ำลือเกี่ยวกับหลิวปังว่าจัดการงานต่าง ๆ ได้เรียบร้อยดีและเป็นคนมีน้ำใจจึงรู้สึกชื่นชม เมื่อถามถึงซู่ซู่ หลิวปังบอกว่าเขาพยายามชวนกลับมาแล้วแต่ซู่ซู่ไม่ยอม ตอนนี้น่าจะอยู่กินกับเสี่ยวชวนไปแล้ว(ว่าเข้าไปนั่น มาใส่ร้ายเขาเฉยเลย) หลู่กงรู้สึกเสียใจคิดถึงซู่ซู่จนแก่ตัวลงไปมาก หลิวปังพูดถึงเรื่องสู่ขอหลู่จื้อ
หลู่จื้อได้ยินเรื่องที่หลิวปังเล่าพอดี จึงรู้สึกสงสัยว่าซู่ซู่กับเสี่ยวชวนแต่งงานกันไปหรือยัง อย่างนี้ต้องไปดูที่เสียนหยาง นางจึงรีบเข้าไปในห้องที่บิดาและหลิวปังคุยกัน นางบอกว่าจะแต่งก็ได้แต่ต้องให้หลิวปังทำเรื่องพวกนี้ให้ก่อนคือสร้างฐานะ ตอนนี้องค์ชายฟู๋ซูกำลังหาคนมีปัญญามาช่วยงาน ให้หลิวปังไปสมัครและพิสูจน์ตัวเองก่อน หลิวปังยอมทุกอย่าง หลู่จื้อเกลี้ยกล่อมให้หลู่กงยอมไปด้วย ทั้ง 3 จึงออกเดินทางไปที่เสียนหยาง
หลิวปังมาถึงเสียนหยางพร้อมสองพ่อลูกตระกูลหลู่ เขารีบไปที่งานทันที ที่โรงเหล้าแห่งหนึ่งในเมืองเสียนหยาง เสี่ยวชวนกำลังนั่งก๊งเหล้ากับชุยเหวินจื่อ(หมอชุย)อยู่ พอดีเซี่ยงหวี่กับเซี่ยงเหลียงมาถึงโรงเหล้าเหมือนกัน จึงได้พบเห็นเสี่ยวชวนเมาเหล้า เซี่ยงเหลียงต่อว่าเสี่ยวชวนทำตัวเหลวไหล แม้ออกจากสำนักไม่ได้เป็นศิษย์เขาแล้วก็ตาม ไม่น่าจะทำตัวเช่นนี้ เสี่ยวชวนเห็นอาจารย์จึงก้มหน้าขอโทษแต่ยังไม่สร่างเมา จึงถูกทั้งสองดึงตัวไปที่งานชุมนุมด้วย
เมื่อมาถึงพวกเสี่ยวชวนถูกจัดให้นั่งที่นั่งชั้นดีเพราะตระกูลเซี่ยงเป็นตระกูลทหารเก่าจึงได้รับเกียรตินี้ ส่วนซันเป่าและหมอชุยได้ไปนั่งที่นั่งธรรมดาของชาวบ้าน เหมือนกับหลิวปัง หลิวปังโดนคนรังเกียจเพราะเป็นพวกไร้สังกัดจึงหาที่นั่งไม่ได้ พอดีหลิวปังเหลือบมองไปเห็นเสี่ยวชวนจึงรีบเข้าไปคุยด้วยเพื่อจะนั่งด้านที่นั่งชั้นดี เสี่ยวชวนเริ่มสร่างเมาแล้ว จึงถามหลิวปังว่าทำไมส่งเขาไปสร้างกำแพงเมืองจีนทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเหมือนกับส่งไปตาย หลิวปังแก้ตัวว่าเพราะลูกน้องสองคนหายไป จึงต้องส่งเสี่ยวชวนกับเกาเย่าไปแทน เสี่ยวชวนคงไม่อยากให้ใครต้องตายใช่ไหม เสี่ยวชวนฟังแล้วใจอ่อน ไม่ได้ถามต่อ(โกหกชัด ๆ มันส่งเกาเย่าไปรับใช้ในวัง ส่งเสี่ยวชวนไปสร้างกำแพง เจตนาส่งไปตายเห็น ๆ )
เซี่ยงหวี่กับเซี่ยงเหลียงเห็นหลิวปังแล้วไม่ค่อยชอบสักเท่าไหร่ ขณะนั้นเองมีคนประกาศเชิญองค์ชายฟู๋ซู ทุกคนรอตั้งนานก็ไม่เห็น ปรากฏว่าชายหนุ่มคนหนึ่งในกลุ่มลุกขึ้นมาและบอกว่าเขาคือองค์ชายฟู๋ซูและเริ่มเชิญชวนให้ทุกคนลงทะเบียนเข้าสังกัด
เซี่ยงหวี่กับเซี่ยงเหลียงเข้าแถวลงทะเบียนและบอกว่าเป็นตระกูลขุนนางเก่า พวกเขาได้รับการต้อนรับอย่างดี ผิดกับหลิวปังที่คนลงทะเบียนรู้สึกรังเกียจเนื่องจากหลิวปังแจ้งแค่ว่าตัวเองมีอุดมการณ์แต่อย่างอื่นไม่เป็นเลยไม่ว่าจะเป็นวิทยาการใด ๆ
หลิวปังขอให้เสี่ยวชวนตามเขาไปพบหลู่กงเพื่อเล่าเรื่องซู่ซู่ เสี่ยวชวนขอตัวจากสองลุงหลานและไปหาหลู่กงเพื่ออธิบายเรื่องซู่ซู่
หลู่จื้อน้ำตาไหลนองเมื่อได้ยินเรื่องน้องสาว หลู่กงเสียใจจนลมจับ เสี่ยวชวนหาบ้านให้สองพ่อลูกตระกูลหลู่อยู่อาศัยในเมืองเสียนหยาง หลูจื้อคอยมองเขาตลอดเวลา คืนนั้นหลู่จื้ออยู่เฝ้าป้ายสถิตย์วิญญาณของน้องสาว เสี่ยวชวนสวมชุดไว้ทุกข์เดินเข้ามา อย่างไรเขาก็เป็นสามีในนามของนาง เสี่ยวชวนบอกว่าจะมาเฝ้าป้ายสถิตย์วิญญาณในคืนนี้เอง ให้หลู่จื้อไปพักผ่อน เขานั่งลงข้างหลู่จื้อ นางมองดูเขา นานแค่ไหนแล้วที่นางไม่ได้เห็นเขาใกล้ชิดเช่นนี้
เสี่ยวชวนเล่าเรื่องซู่ซู่ให้หลู่จื้อฟัง หลู่จื้อมองหน้าเสี่ยวชวนนิ่งแต่เขาไม่สนใจ นางรำพึงรำพันว่าแม้น้องสาวจะหายไปแต่ความคิดถึงเสี่ยวชวนไม่เคยจางหายไป และยังคิดถึงเสี่ยวชวนมากกว่าซู่ซู่เสียอีก เสี่ยวชวนฟังแล้วไม่ค่อยสบายใจ หลู่จื้อซบไหล่เสี่ยวชวนด้วยความรักและคิดถึง เสี่ยวชวนไม่ชอบใจจึงบอกว่าซู่ซู่คงไม่อยากเห็นภาพเช่นนี้ หลู่จื้อบอกว่า เสี่ยวชวนบอกเองไม่ใช่หรือว่ารับปากจะดูแลนางไปตลอดชีวิต เสี่ยวชวนบอกว่าไม่ได้หมายความอย่างนั้นแต่เขารับปากซู่ซู่ว่าจะดูแลประดุจคนในครอบครัวเลยทีเดียว หลู่จื้อเรียกหาเขาอย่างชายคนรักว่า “อี้หลาง”(ดูภาพประกอบข้างบนนะคะ)และกอดเขาไว้ แต่เสี่ยวชวนไม่พอใจมากสลัดหลุมและไล่นางออกไป
หลู่จื้อรอเสี่ยวชวนอยู่หน้าห้องตลอดทั้งคืน ตอนเช้าเขาออกมาโดยไม่ได้สนใจมองหลู่จื้อแม้แต่แวบเดียว หลู่จื้อโกรธแค้นมาก และสบถว่าเสี่ยวชวนจะต้องจ่ายค่าตอบแทนราคาแพงในการปฎิเสธนางครั้งนี้
หลิวปังคุยกับหลู่กงอยู่ในห้องและบอกว่าได้มาลงทะเบียนในงานชุมนุมขององค์ชายฟู๋ซูแล้ว จึงออกปากสู่ขอหลู่จื้ออีกครั้ง หลู่กงบอกว่ายังเสียใจเรื่องซู่ซู่ ขอไม่ตอบเรื่องนี้ตอนนี้ แต่หลู่จื้อเดินเข้ามา ขอโทษบิดาแล้วบอกว่าขอตัดสินชีวิตแต่งงานตนเอง โดยบอกหลิวปังว่าจะแต่งงานด้วยแต่ต้องทำตามเงื่อนไขของนางสามประการคือ หลิวปังจะต้อง1. มีตำแหน่งสูงกว่าเสี่ยวชวน 2. ร่ำรวยกว่าเสี่ยวชวน 3. มีที่ดินมากกว่าเสี่ยวชวน ภายใน 10 ปีต้องทำให้ได้ ถ้าทำไม่ได้ สร้างตัวได้ทรัพย์สินเท่าไหร่เมื่อถึงกำหนดต้องตกเป็นของนาง หากทำได้นางจะแต่งงานด้วย รับปากหรือไม่ก็แล้วแต่หลิวปัง หลิวปังก็ได้แต่รับปากอย่างเดียวด้วยใจรักหลู่จื้อและหมายมั่นได้นางมาเป็นของตน
หลู่จื้อเอากระดาษที่เขียนเงื่อนไขเหล่านี้มาให้หลิวปังเซ็นต์สัญญา หลิวปังรับปากทันที หลู่จื้อให้หลิวปังออกไป นางร้องไห้ขอโทษบิดาบอกว่านางจำใจต้องทำอย่างนี้ ขอโทษที่นางตัดสินใจการแต่งงานเองโดยไม่ได้ให้พ่อแม่ หรือแม่สื่อจัดการให้ตามธรรมเนียม หลู่กงได้แต่ถอนหายใจ
โปรดติดตามตอนต่อไป
แต่นแต้น..........มาแล้ว...........เสินฮว่า(เรื่องมหัศจรรย์) ในเรื่องนี้ตอนเขียนหนังสือต้องลงไม้ไผ่ที่ร้อยแป็นแผ่นตลอด มาคราวนี้ยัยหลู่จื้อได้ดับเบิ้ลเอ กระดาษชั้นดีมาจากไหนกันเอ่ย? อิ อิ เรื่องหลุด ๆ ยังมีอีก ค่อย ๆ ว่ากันไป ก่อนเขียนลงกระดาษมันก็มีการเขียนลงผ้าไหม แต่ดูไปแล้วดับเบิ้ลเอของหลู่จื้อไม่น่าจะเหมือนไหมเลย ใครได้ดูแล้วก็ลองมองดูหน่อยนะคะ
ข้อสังเกต
เรื่องเสินฮว่าพระเอกหลุดเข้าไปในยุคฉิน หลังเซี่ยงเส้าหลง เซี่ยงเส้าหลง(พระเอกเจาะเวลาหาจิ๋นซี)เข้าไปยุคที่จิ๋นซียังไม่ครองราชย์ ยังเป็นอิ๋งเจิ้ง嬴政อยู่ในรัชกาลของฉินสื่อหวงตั้งแต่ BC 259 - BC 210 แต่เสี่ยวชวนหลงเข้าไปตอนปลายรัชการของฉินสื่อหวงเริ่มรัชกาลที่สองของราชวงศ์ฉิน ตอนนั้นหลิวปังยังไม่ครองราชย์เป็นฮั่นเกาจู่(ปฐมกษัตริย์ราชวงศ์ฮั่น) แต่ไช่หลุน蔡伦ผลิตกระดาษสมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันออก อย่างไรก็หลังยุคฉินอยู่แล้ว กระดาษโผล่มาจากไหนก่อนการประดิษฐ์กระดาษเอ่ย? อ้อ โผล่มากจากทีมงานเรื่อง “เสินฮว่า” นั่นเอง
เซี่ยงหวี่และเซี่ยงเหลียงได้ข่าวว่าองค์ชายฟู๋ซูรับสมัครคนมีฝีมือจึงคิดไปร่วมงานด้วย ด้านหลิวปังเมื่อกลับมาถึงเมืองเพ่ยเสี้ยนก็ทราบข่าวจากประกาศเหมือนกัน หลิวปังเห็นว่าผ่านมาหนึ่งปีแล้วที่วางแผนส่งให้เสี่ยวชวนไปสร้างกำแพงเมืองจีนและเสี่ยวชวนคงจะไม่กลับมาแล้ว ครั้งนี้เขากลับมาที่เมืองเพ่ยเสี้ยนเพื่อจะสู่ขอหลู่จื้ออย่างเป็นเรื่องเป็นราว
หลิวปังได้มาหาหลู่กง เล่าเรื่องการเดินทางของตนให้ฟัง หลู่กงบอกว่าได้ยินเรื่องร่ำลือเกี่ยวกับหลิวปังว่าจัดการงานต่าง ๆ ได้เรียบร้อยดีและเป็นคนมีน้ำใจจึงรู้สึกชื่นชม เมื่อถามถึงซู่ซู่ หลิวปังบอกว่าเขาพยายามชวนกลับมาแล้วแต่ซู่ซู่ไม่ยอม ตอนนี้น่าจะอยู่กินกับเสี่ยวชวนไปแล้ว(ว่าเข้าไปนั่น มาใส่ร้ายเขาเฉยเลย) หลู่กงรู้สึกเสียใจคิดถึงซู่ซู่จนแก่ตัวลงไปมาก หลิวปังพูดถึงเรื่องสู่ขอหลู่จื้อ
หลู่จื้อได้ยินเรื่องที่หลิวปังเล่าพอดี จึงรู้สึกสงสัยว่าซู่ซู่กับเสี่ยวชวนแต่งงานกันไปหรือยัง อย่างนี้ต้องไปดูที่เสียนหยาง นางจึงรีบเข้าไปในห้องที่บิดาและหลิวปังคุยกัน นางบอกว่าจะแต่งก็ได้แต่ต้องให้หลิวปังทำเรื่องพวกนี้ให้ก่อนคือสร้างฐานะ ตอนนี้องค์ชายฟู๋ซูกำลังหาคนมีปัญญามาช่วยงาน ให้หลิวปังไปสมัครและพิสูจน์ตัวเองก่อน หลิวปังยอมทุกอย่าง หลู่จื้อเกลี้ยกล่อมให้หลู่กงยอมไปด้วย ทั้ง 3 จึงออกเดินทางไปที่เสียนหยาง
หลิวปังมาถึงเสียนหยางพร้อมสองพ่อลูกตระกูลหลู่ เขารีบไปที่งานทันที ที่โรงเหล้าแห่งหนึ่งในเมืองเสียนหยาง เสี่ยวชวนกำลังนั่งก๊งเหล้ากับชุยเหวินจื่อ(หมอชุย)อยู่ พอดีเซี่ยงหวี่กับเซี่ยงเหลียงมาถึงโรงเหล้าเหมือนกัน จึงได้พบเห็นเสี่ยวชวนเมาเหล้า เซี่ยงเหลียงต่อว่าเสี่ยวชวนทำตัวเหลวไหล แม้ออกจากสำนักไม่ได้เป็นศิษย์เขาแล้วก็ตาม ไม่น่าจะทำตัวเช่นนี้ เสี่ยวชวนเห็นอาจารย์จึงก้มหน้าขอโทษแต่ยังไม่สร่างเมา จึงถูกทั้งสองดึงตัวไปที่งานชุมนุมด้วย
เมื่อมาถึงพวกเสี่ยวชวนถูกจัดให้นั่งที่นั่งชั้นดีเพราะตระกูลเซี่ยงเป็นตระกูลทหารเก่าจึงได้รับเกียรตินี้ ส่วนซันเป่าและหมอชุยได้ไปนั่งที่นั่งธรรมดาของชาวบ้าน เหมือนกับหลิวปัง หลิวปังโดนคนรังเกียจเพราะเป็นพวกไร้สังกัดจึงหาที่นั่งไม่ได้ พอดีหลิวปังเหลือบมองไปเห็นเสี่ยวชวนจึงรีบเข้าไปคุยด้วยเพื่อจะนั่งด้านที่นั่งชั้นดี เสี่ยวชวนเริ่มสร่างเมาแล้ว จึงถามหลิวปังว่าทำไมส่งเขาไปสร้างกำแพงเมืองจีนทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเหมือนกับส่งไปตาย หลิวปังแก้ตัวว่าเพราะลูกน้องสองคนหายไป จึงต้องส่งเสี่ยวชวนกับเกาเย่าไปแทน เสี่ยวชวนคงไม่อยากให้ใครต้องตายใช่ไหม เสี่ยวชวนฟังแล้วใจอ่อน ไม่ได้ถามต่อ(โกหกชัด ๆ มันส่งเกาเย่าไปรับใช้ในวัง ส่งเสี่ยวชวนไปสร้างกำแพง เจตนาส่งไปตายเห็น ๆ )
เซี่ยงหวี่กับเซี่ยงเหลียงเห็นหลิวปังแล้วไม่ค่อยชอบสักเท่าไหร่ ขณะนั้นเองมีคนประกาศเชิญองค์ชายฟู๋ซู ทุกคนรอตั้งนานก็ไม่เห็น ปรากฏว่าชายหนุ่มคนหนึ่งในกลุ่มลุกขึ้นมาและบอกว่าเขาคือองค์ชายฟู๋ซูและเริ่มเชิญชวนให้ทุกคนลงทะเบียนเข้าสังกัด
เซี่ยงหวี่กับเซี่ยงเหลียงเข้าแถวลงทะเบียนและบอกว่าเป็นตระกูลขุนนางเก่า พวกเขาได้รับการต้อนรับอย่างดี ผิดกับหลิวปังที่คนลงทะเบียนรู้สึกรังเกียจเนื่องจากหลิวปังแจ้งแค่ว่าตัวเองมีอุดมการณ์แต่อย่างอื่นไม่เป็นเลยไม่ว่าจะเป็นวิทยาการใด ๆ
หลิวปังขอให้เสี่ยวชวนตามเขาไปพบหลู่กงเพื่อเล่าเรื่องซู่ซู่ เสี่ยวชวนขอตัวจากสองลุงหลานและไปหาหลู่กงเพื่ออธิบายเรื่องซู่ซู่
หลู่จื้อน้ำตาไหลนองเมื่อได้ยินเรื่องน้องสาว หลู่กงเสียใจจนลมจับ เสี่ยวชวนหาบ้านให้สองพ่อลูกตระกูลหลู่อยู่อาศัยในเมืองเสียนหยาง หลูจื้อคอยมองเขาตลอดเวลา คืนนั้นหลู่จื้ออยู่เฝ้าป้ายสถิตย์วิญญาณของน้องสาว เสี่ยวชวนสวมชุดไว้ทุกข์เดินเข้ามา อย่างไรเขาก็เป็นสามีในนามของนาง เสี่ยวชวนบอกว่าจะมาเฝ้าป้ายสถิตย์วิญญาณในคืนนี้เอง ให้หลู่จื้อไปพักผ่อน เขานั่งลงข้างหลู่จื้อ นางมองดูเขา นานแค่ไหนแล้วที่นางไม่ได้เห็นเขาใกล้ชิดเช่นนี้
เสี่ยวชวนเล่าเรื่องซู่ซู่ให้หลู่จื้อฟัง หลู่จื้อมองหน้าเสี่ยวชวนนิ่งแต่เขาไม่สนใจ นางรำพึงรำพันว่าแม้น้องสาวจะหายไปแต่ความคิดถึงเสี่ยวชวนไม่เคยจางหายไป และยังคิดถึงเสี่ยวชวนมากกว่าซู่ซู่เสียอีก เสี่ยวชวนฟังแล้วไม่ค่อยสบายใจ หลู่จื้อซบไหล่เสี่ยวชวนด้วยความรักและคิดถึง เสี่ยวชวนไม่ชอบใจจึงบอกว่าซู่ซู่คงไม่อยากเห็นภาพเช่นนี้ หลู่จื้อบอกว่า เสี่ยวชวนบอกเองไม่ใช่หรือว่ารับปากจะดูแลนางไปตลอดชีวิต เสี่ยวชวนบอกว่าไม่ได้หมายความอย่างนั้นแต่เขารับปากซู่ซู่ว่าจะดูแลประดุจคนในครอบครัวเลยทีเดียว หลู่จื้อเรียกหาเขาอย่างชายคนรักว่า “อี้หลาง”(ดูภาพประกอบข้างบนนะคะ)และกอดเขาไว้ แต่เสี่ยวชวนไม่พอใจมากสลัดหลุมและไล่นางออกไป
หลู่จื้อรอเสี่ยวชวนอยู่หน้าห้องตลอดทั้งคืน ตอนเช้าเขาออกมาโดยไม่ได้สนใจมองหลู่จื้อแม้แต่แวบเดียว หลู่จื้อโกรธแค้นมาก และสบถว่าเสี่ยวชวนจะต้องจ่ายค่าตอบแทนราคาแพงในการปฎิเสธนางครั้งนี้
หลิวปังคุยกับหลู่กงอยู่ในห้องและบอกว่าได้มาลงทะเบียนในงานชุมนุมขององค์ชายฟู๋ซูแล้ว จึงออกปากสู่ขอหลู่จื้ออีกครั้ง หลู่กงบอกว่ายังเสียใจเรื่องซู่ซู่ ขอไม่ตอบเรื่องนี้ตอนนี้ แต่หลู่จื้อเดินเข้ามา ขอโทษบิดาแล้วบอกว่าขอตัดสินชีวิตแต่งงานตนเอง โดยบอกหลิวปังว่าจะแต่งงานด้วยแต่ต้องทำตามเงื่อนไขของนางสามประการคือ หลิวปังจะต้อง1. มีตำแหน่งสูงกว่าเสี่ยวชวน 2. ร่ำรวยกว่าเสี่ยวชวน 3. มีที่ดินมากกว่าเสี่ยวชวน ภายใน 10 ปีต้องทำให้ได้ ถ้าทำไม่ได้ สร้างตัวได้ทรัพย์สินเท่าไหร่เมื่อถึงกำหนดต้องตกเป็นของนาง หากทำได้นางจะแต่งงานด้วย รับปากหรือไม่ก็แล้วแต่หลิวปัง หลิวปังก็ได้แต่รับปากอย่างเดียวด้วยใจรักหลู่จื้อและหมายมั่นได้นางมาเป็นของตน
หลู่จื้อเอากระดาษที่เขียนเงื่อนไขเหล่านี้มาให้หลิวปังเซ็นต์สัญญา หลิวปังรับปากทันที หลู่จื้อให้หลิวปังออกไป นางร้องไห้ขอโทษบิดาบอกว่านางจำใจต้องทำอย่างนี้ ขอโทษที่นางตัดสินใจการแต่งงานเองโดยไม่ได้ให้พ่อแม่ หรือแม่สื่อจัดการให้ตามธรรมเนียม หลู่กงได้แต่ถอนหายใจ
โปรดติดตามตอนต่อไป
แต่นแต้น..........มาแล้ว...........เสินฮว่า(เรื่องมหัศจรรย์) ในเรื่องนี้ตอนเขียนหนังสือต้องลงไม้ไผ่ที่ร้อยแป็นแผ่นตลอด มาคราวนี้ยัยหลู่จื้อได้ดับเบิ้ลเอ กระดาษชั้นดีมาจากไหนกันเอ่ย? อิ อิ เรื่องหลุด ๆ ยังมีอีก ค่อย ๆ ว่ากันไป ก่อนเขียนลงกระดาษมันก็มีการเขียนลงผ้าไหม แต่ดูไปแล้วดับเบิ้ลเอของหลู่จื้อไม่น่าจะเหมือนไหมเลย ใครได้ดูแล้วก็ลองมองดูหน่อยนะคะ
ข้อสังเกต
เรื่องเสินฮว่าพระเอกหลุดเข้าไปในยุคฉิน หลังเซี่ยงเส้าหลง เซี่ยงเส้าหลง(พระเอกเจาะเวลาหาจิ๋นซี)เข้าไปยุคที่จิ๋นซียังไม่ครองราชย์ ยังเป็นอิ๋งเจิ้ง嬴政อยู่ในรัชกาลของฉินสื่อหวงตั้งแต่ BC 259 - BC 210 แต่เสี่ยวชวนหลงเข้าไปตอนปลายรัชการของฉินสื่อหวงเริ่มรัชกาลที่สองของราชวงศ์ฉิน ตอนนั้นหลิวปังยังไม่ครองราชย์เป็นฮั่นเกาจู่(ปฐมกษัตริย์ราชวงศ์ฮั่น) แต่ไช่หลุน蔡伦ผลิตกระดาษสมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันออก อย่างไรก็หลังยุคฉินอยู่แล้ว กระดาษโผล่มาจากไหนก่อนการประดิษฐ์กระดาษเอ่ย? อ้อ โผล่มากจากทีมงานเรื่อง “เสินฮว่า” นั่นเอง
ตอนที่ 20
ตอนนี้อย่างเพิ่งรำคาญมีอะไรที่ขัดตาเยอะ เลยใส่วงเล็บเอาไว้เป็นข้อสังเกต
เสี่ยวเยว่ออกมาซื้อของในตลาดตามคำสั่งของเกาเย่า เกาเย่าบอกให้นางเอาใจลี่เฟยเหนียงเหนียง ให้พระนางชอบใจและติดใจเรียกใช้งาน เสี่ยวเยว่เห็นกระต่ายในกรง(สมัยนั้นมีกรงสวยงามอย่างกะยุคเราเลย)จึงซื้อตั้งใจจะเอาไปถวายเทวีชายาลี่เฟย
เสี่ยวเยว่ซื้อกระต่ายได้ก็เดินไปตามถนน เห็นร้านขายผ้า ใจคิดอยากตัดเสื้อให้เหล่าเกอ(พี่ชาย)สักตัว จึงเข้าไปในร้านเลือกซื้อผ้าสีฟ้าหม่นพับหนึ่ง คนขายเห็นกำไลของเสี่ยวเยว่จึงบอกว่ากำไลสวยมาก เสี่ยวเยว่บอกว่าเป็นมรดกตกทอด และอดคิดถึงเสี่ยวชวนผู้นำกำไลนี้มาให้นางไม่ได้ นางยิ้มและเดินออกจากร้านไป
นาน ๆ ได้ออกจากวังมาสักครั้งเสี่ยวเยว่เดินชมตลาด มิจฉาชีพสังเกตเห็นเสี่ยวเยว่ เสี่ยวเยว่มองเห็นเสี่ยวชวนกับซันเป่าเดินมา จึงคิดหลบ พอดีเดินไปชนกับมิจฉาชีพ วายร้ายร้องโวยวายว่าเสี่ยวเยว่าทำให้มันบาดเจ็บจะให้นางชดใช้ เสี่ยวเยว่ไร้เดียงสายอมให้เงินไปแทบไม่กล้ามองหน้ามิจฉาชีพ แต่มันยังไม่พอใจเพราะเห็นเสี่ยวเยว่หน้าตาสวยจึงคิดลวนลาม คนรอบข้างเข้ามามุงดู เสี่ยวชวนเข้ามาช่วยไว้พอดี อัดเจ้าวายร้ายเสียน่วม และยังเอาเงินของมันกับเงินของเสี่ยวเยว่คืนมาได้อีก เสี่ยวเยว่ไม่กล้ามองหน้าเสี่ยวชวนได้แต่ก้มหน้า
เสี่ยวชวนเห็นว่าเป็นเสี่ยวเยว่ จึงชวนไปทานข้าวที่บ้านและสอบถามสารทุกข์สุกดิบ เขาบอกให้เสี่ยวเยว่กินเยอะ ๆ กับข้าวพวกนี้เขาทำเอง (ข้าวที่เสี่ยวเยว่กินมันขาวอย่างกะข้าวมาบุญครอง สงสัยตอนนั้นคงมีโรงสียุคใหม่แล้ว) เสี่ยวเยว่เล่าว่าเหล่าเกอให้นางออกมาหาของเล่นเอาใจลี่เฟยเหนียงเหนียง พอได้ยินเสี่ยวชวนยิ่งสนใจ รีบสอบถามอาการของลี่เฟยเหนียงเหนียง เสี่ยวเยว่ก็รู้ว่าเสี่ยวชวนเป็นหมอที่เคยรักษาลี่เฟยจึงบอกว่านางซึมเศร้าอาจเป็นเพราะโรคยังไม่หายดี แต่เสี่ยวชวนบอกว่าน่าจะเป็นอาการข้างเคียง เขาจะจัดยาให้ เสี่ยวชวนเอามือถือที่อัดคลิปที่เขาบรรยายความในใจไว้มอบให้เสี่ยวเยว่และบอกว่านี่เป็นยาที่ใช้รักษาลี่เฟยเหนียงเหนียง
เสี่ยวชวนกำชับให้เสี่ยวเยว่อย่าบอกเรื่องนี้กับใคร ไม่ว่าจะเป็นกับเหล่าเกอหรือว่าซันเป่า เขาบอกว่า เรื่องนี้จะเป็นความลับของเราสองคนเท่านั้น (ไม่รู้ตัวเล้ย....ไม่รู้ตัวว่าตัวเองน่ารักมีเสน่ห์ ใครเห็นใครก็ชอบ เที่ยวไปพูดจาแบบนี้ กับสาว ๆ เสี่ยวชวนนะเสี่ยวชวน) เสี่ยวเยว่ได้ฟังก็รู้สึกวาบหวามในใจ ทวนคำว่า รับรองจะเป็นความลับของทั้งสอง แต่เสี่ยวชวนไม่ไว้ใจให้นางสาบาน เสี่ยวเยว่ทำตามอย่างว่าง่าย
เสี่ยวเยว่ไปเข้าเฝ้าเทวีชายาลี่เฟย เมื่ออยู่กันสองต่อสองจึงบอกลี่เฟยว่ายานี้ได้มาจากหมอแซ่อี้ เขาบอกว่าเป็นยารักษาโรค ลี่เฟยเหนียงเหนียงได้ยินก็ดีใจ บอกให้เสี่ยวเยว่รอก่อนขอดูว่าใช้ได้หรือไม่ อวี้ซู่เข้าไปในห้องและเปิดคลิปดูอย่างที่เสี่ยวชวนสอนไว้ นางได้รับทราบความในใจของเสี่ยวชวนจากคลิปเหล่านั้น หัวใจรู้สึกแช่มชื่นขึ้นมาก จึงกลับออกมาหาเสี่ยวเยว่ ลี่เฟยบอกเสี่ยวเยว่ว่ายานี้ใช้ดีจริง ๆ แต่ห้ามนำเรื่องนี้ไปบอกใคร อวี้ซู่ให้จัดห้องให้เสี่ยวเยว่อยู่รับใช้ใกล้ชิดข้าง ๆ ห้องบรรทม
เกาเย่าดีใจมากที่น้องสาวได้รับความโปรดปรานจากลี่เฟยเหนียงเหนียง ให้เสี่ยวเยว่เก็บข้าวของ พอดีเหลือบไปเห็นเสื้อผ้าที่เสี่ยวเยว่กำลังตัดเย็บอยู่ เสี่ยวเยว่หน้าเสียเพราะแรก ๆ นางจะตัดเย็บให้กับเหล่าเกอแต่เมื่อเสี่ยวชวนดีกับนางมาก จึงเปลี่ยนใจตัดให้เสี่ยวชวนก่อน เกาเย่าลองเสื้อด้วยความดีใจแต่บอกว่ามันใหญ่ไป เสี่ยวเยว่ได้ทีจึงบอกว่าเอาไว้คราวหลังวัดตัวก่อนจะดีกว่า นางกุลีกุจอวัดตัวให้เกาเย่าเพื่อกลบเกลื่อนอาการ
คืนนี้อวี้ซู่ดูคลิปของเสี่ยวชวนอีกแล้ว ที่ห้องข้าง ๆ เสี่ยวเยว่ก็กำลังคิดถึงอี้กงจื่อ นางเย็บเสื้อเสร็จแล้ว ไม่รู้ว่าจะพอดีตัวเสี่ยวชวนหรือไม่ จึงลองเสื้อแทนเสี่ยวชวนแล้วบอกว่าอุ่นมาก ตอนเช้านางได้รับคำสั่งจากลี่เฟยเหนียงเหนียงให้ไปเอายาใส่กล่องยามาเพิ่มอีก เสี่ยวเยว่ไปหาเสี่ยวชวนที่บ้านทันที
เสี่ยวชวนกำลังอ่านหนังสือที่ร้อยจากไม้ไผ่อยู่ (เสี่ยวชวน อัจฉริยะจริง ๆ อ่านหนังสือโบราณได้ด้วย ความจริงแล้วแม้แต่การพูดคุยกับคนโบราณสองพันกว่าปีคิดว่าน่าจะลำบากอยู่แล้ว นี่อ่านได้ด้วย คราวนี้ไม่ใช้กระดาษแบบหลู่จื้อเสียแล้ว) เมื่อรู้ว่าเสี่ยวเยว่รับคำสั่งมาก็ดีใจ กำลังจะรีบไปอัดคลิปใหม่แต่เสี่ยวเยว่เรียกรั้งไว้บอกว่ามีเสื้อมาให้ลอง เสี่ยวชวนคิดว่าอวี้ซู่เย็บเสื้อให้ก็ดีใจมากและฝากขอบคุณลี่เฟยเหนียงเหนียงผ่านเสี่ยวเยว่
เสี่ยวเยว่จะอ้าปากบอกว่าตัวเองเย็บเสื้อให้เขาต่างหาก แต่ก็โดนเสี่ยวชวนตัดบทเสียก่อน จึงพูดไม่ออก เสี่ยวชวนรีบเข้าห้องไปอัดคลิปใหม่ ปิดประตูใส่หน้าเสี่ยวเยว่ เสี่ยวเยว่พึมพำว่าทำไมไม่ฟังนางเลยว่าความจริงแล้วใครตัดให้กันแน่ เสี่ยวชวนอัดคลิปเสร็จจึงส่งให้เสี่ยวเยว่นำไปให้ลี่เฟยเหนียงเหนียง
ยุคปัจจุบัน
......เสี่ยวชวนลองเสื้อที่เสี่ยวเยว่สวมให้ เสี่ยวเยว่เอียงอายกำลังจะเดินจากไป เสี่ยวชวนรีบจับมือนางไว้ พริบตานั้นเสียงของใครบางคนก็ดังแว้ดขึ้น เกาหลานนั่นเอง เธอด่าว่าเสี่ยวชวนจอมเจ้าชู้แล้วไล่ตี เสี่ยวชวนวิ่งหนีแทบไม่ทัน......
เช้าตรู่ยุคปัจจุบัน...เกาหลานตกจากเตียงเพราะความฝัน เธอเห็นสาวหน้าตาเหมือนเธอเย็บเสื้อให้เสี่ยวชวน พอเธอจับได้ก็ไล่ตีเขา จนตกเตียงตื่นขึ้นมา ไหน ๆ ก็ตื่นเช้าแล้ว เกาหลานจึงอาบน้ำแต่งตัวไปหาต้าชวนที่ศูนย์โบราณคดี เมื่อไปถึง เหมือนเคย ต้าชวนหลับอยู่คาโต๊ะทำงาน เกาหลานเอากล้องมาจับภาพต้าชวนตอนหลับไว้
ไม่ทันระวัง เกาหลานเอามือไปกระทบถูกเมาส์ ทำให้หน้าจอคอมพ์ที่ค้างอยู่เปิดขึ้นมา ต้าชวนเขียนว่าศึกษาวัตถุโบราณและมีรูปเกาหลาน เกาหลานโกรธเลยเอาปากกามาวาดหัวคิตตี้ไว้ที่หน้าต้าชวนแล้วถ่ายรูป ต้าชวนรู้สึกตัวพอดี เกาหลานจึงชวนเขาออกไปทานอาหารเช้าด้วยกัน
ใครต่อใครที่เดินผ่านไปผ่านมาเห็นหน้าต้าชวนมีคิตตี้ก็พากันมอง เกาหลานชอบใจ เมื่อต้าชวนรู้ตัวก็โกรธเกาหลานมาก บอกว่าลบหลู่กันแบบนี้ไม่ได้ จึงขอท้าสู้คาราเต้ ทั้งสองต่อสู้กันเกาหลานอดคิดถึงเสี่ยวชวนไม่ได้ ต้าชวนจินตนาการไปว่าชนะเกาหลาน แต่สุดท้ายก็แพ้อยู่ดี
ในยุคโบราณ
เสี่ยวชวนกับเหมิงเถียนกำลังต่อสู้กันอยู่ เหมิงเถียนชนะได้ทุกครั้ง จึงสอนเสี่ยวชวนว่าหากเมตตาต่อศัตรูก็เหมือนฆ่าตัวเอง ไม่มีวันที่เสี่ยวชวนจะชนะได้ นั่นหมายถึงการฆ่าตัวเอง เสี่ยวชวนไม่สนใจบอกว่าไม่มีเจตนาฆ่าคน เหมิงเถียนบอกว่ามันเป็นหน้าที่ของลูกผู้ชายที่ต้องปกป้องประเทศด้วยชีวิต ด้วยการเป็นทหาร เสี่ยวชวนไม่สนใจบอกว่าเขาไม่เหมือนเหมิงเทียนเป็นคนเย็นชา สำหรับเขาแล้วขอเพียงได้ปกป้องคนที่รักและเป็นห่วงก็พอแล้ว เหมิงเถียนตำหนิว่าจะเอาอะไรปกป้อง แค่ปากน่ะไม่ได้หรอด คำพูดอย่างเดียวช่วยปกป้องใครไม่ได้ เหมิงเถียนชวนให้เขามาเข้าร่วมกับกองทัพตระกูลเหมิง แต่เสี่ยวชวนไม่สนใจ
(ตรงนี้แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างในความคิดของชายสมัยปัจจุบันกับยุคใหม่ชัดเจนมาก เมื่อก่อนหน้าที่ของชายคือปกป้องประเทศ เป็นทหารรบกับศัตรู แต่เดี๋ยวนี้อย่าว่าแต่ประเทศเลย แม้ผู้หญิงที่รักก็มีชายบางประเภทไม่ออกตัวปกป้อง มีแต่ความเห็นแก่ตัวและรักตัวเองก่อน คำว่า “ชาติ” อยู่ร่ำไป
เสี่ยวชวนเป็นชายสมัยใหม่ไม่มีความคิดแบบคนโบราณ เมื่อดูไปแล้วออกจะเห็นแก่ตัวอยู่เหมือนกัน)
เหมิงเถียนชวนเสี่ยวชวนให้ไปดูที่กองกำลังตระกูลเหมิง เสี่ยวชวนมองด้วยความตกตะลึง เขาเห็นธงสัญลักษณ์เสื้อ เป็นเหมือนกับรูปสลักที่ประทับอยู่ที่หน้าอกของเขาไม่มีผิด เสี่ยวชวนขึ้นไปที่เวทีเหมิง ทหารตะโกนคำขวัญปลุกใจ เสี่ยวชวนได้ยินแล้วรู้สึกว่าเลือดในกายมันระอุ จนต้องกำหมัดแน่น
เขามองไปที่หทาร แล้วก็ต้องดีใจมาก เมื่อเห็น “เหล่าฟ่าน” นายทหารที่เขาเคยเจอที่กำแพงเมืองจีน และเคยไปร่วมทุกข์ร่วมสุขกันที่ถูอัน เสี่ยวชวนเข้าไปทักทายและล้อเล่นกับเหล่าฟ่านและถามว่าขาหายเจ็บแล้วหรือยัง เหล่าฟ่านยังอยู่ในระเบียบไม่กล้าแตกแถว
ทั้งสามไปดื่มเหล้าฉลองที่ได้เจอกัน เหล่าฟ่านบอกว่าหลังแยกจากกันแล้วเขาก็เข้ามาที่รัฐฉินและสมัครเป็นทหารของตระกูลเหมิง ที่นี่น่าจะเป็นเวทีให้เขาก้าวไปข้างหน้าได้ เหล่าฟ่านเกลี้ยกล่อมให้เสี่ยวชวนมาเป็นทหารของตระกูลเหมิง เพราะเห็นว่าเสี่ยวชวนฝีมือดี เหมิงเถียนรีบสนับสนุน เสี่ยวชวนบอกว่าวันนี้เห็นกองกำลังของจริงแล้วรู้สึกว่าเท่ห์มาก จะเข้าร่วมก็ได้แต่มีข้อแม้ว่า อย่ามายกตำแหน่งใหญ่ให้เขาเพราะเห็นว่าขาเป็นเหมิงอี้ เสี่ยวชวนขอแสดงฝีมือพิสูจน์ตัวเอง
เสี่ยวเยว่ออกมาซื้อของในตลาดตามคำสั่งของเกาเย่า เกาเย่าบอกให้นางเอาใจลี่เฟยเหนียงเหนียง ให้พระนางชอบใจและติดใจเรียกใช้งาน เสี่ยวเยว่เห็นกระต่ายในกรง(สมัยนั้นมีกรงสวยงามอย่างกะยุคเราเลย)จึงซื้อตั้งใจจะเอาไปถวายเทวีชายาลี่เฟย
เสี่ยวเยว่ซื้อกระต่ายได้ก็เดินไปตามถนน เห็นร้านขายผ้า ใจคิดอยากตัดเสื้อให้เหล่าเกอ(พี่ชาย)สักตัว จึงเข้าไปในร้านเลือกซื้อผ้าสีฟ้าหม่นพับหนึ่ง คนขายเห็นกำไลของเสี่ยวเยว่จึงบอกว่ากำไลสวยมาก เสี่ยวเยว่บอกว่าเป็นมรดกตกทอด และอดคิดถึงเสี่ยวชวนผู้นำกำไลนี้มาให้นางไม่ได้ นางยิ้มและเดินออกจากร้านไป
นาน ๆ ได้ออกจากวังมาสักครั้งเสี่ยวเยว่เดินชมตลาด มิจฉาชีพสังเกตเห็นเสี่ยวเยว่ เสี่ยวเยว่มองเห็นเสี่ยวชวนกับซันเป่าเดินมา จึงคิดหลบ พอดีเดินไปชนกับมิจฉาชีพ วายร้ายร้องโวยวายว่าเสี่ยวเยว่าทำให้มันบาดเจ็บจะให้นางชดใช้ เสี่ยวเยว่ไร้เดียงสายอมให้เงินไปแทบไม่กล้ามองหน้ามิจฉาชีพ แต่มันยังไม่พอใจเพราะเห็นเสี่ยวเยว่หน้าตาสวยจึงคิดลวนลาม คนรอบข้างเข้ามามุงดู เสี่ยวชวนเข้ามาช่วยไว้พอดี อัดเจ้าวายร้ายเสียน่วม และยังเอาเงินของมันกับเงินของเสี่ยวเยว่คืนมาได้อีก เสี่ยวเยว่ไม่กล้ามองหน้าเสี่ยวชวนได้แต่ก้มหน้า
เสี่ยวชวนเห็นว่าเป็นเสี่ยวเยว่ จึงชวนไปทานข้าวที่บ้านและสอบถามสารทุกข์สุกดิบ เขาบอกให้เสี่ยวเยว่กินเยอะ ๆ กับข้าวพวกนี้เขาทำเอง (ข้าวที่เสี่ยวเยว่กินมันขาวอย่างกะข้าวมาบุญครอง สงสัยตอนนั้นคงมีโรงสียุคใหม่แล้ว) เสี่ยวเยว่เล่าว่าเหล่าเกอให้นางออกมาหาของเล่นเอาใจลี่เฟยเหนียงเหนียง พอได้ยินเสี่ยวชวนยิ่งสนใจ รีบสอบถามอาการของลี่เฟยเหนียงเหนียง เสี่ยวเยว่ก็รู้ว่าเสี่ยวชวนเป็นหมอที่เคยรักษาลี่เฟยจึงบอกว่านางซึมเศร้าอาจเป็นเพราะโรคยังไม่หายดี แต่เสี่ยวชวนบอกว่าน่าจะเป็นอาการข้างเคียง เขาจะจัดยาให้ เสี่ยวชวนเอามือถือที่อัดคลิปที่เขาบรรยายความในใจไว้มอบให้เสี่ยวเยว่และบอกว่านี่เป็นยาที่ใช้รักษาลี่เฟยเหนียงเหนียง
เสี่ยวชวนกำชับให้เสี่ยวเยว่อย่าบอกเรื่องนี้กับใคร ไม่ว่าจะเป็นกับเหล่าเกอหรือว่าซันเป่า เขาบอกว่า เรื่องนี้จะเป็นความลับของเราสองคนเท่านั้น (ไม่รู้ตัวเล้ย....ไม่รู้ตัวว่าตัวเองน่ารักมีเสน่ห์ ใครเห็นใครก็ชอบ เที่ยวไปพูดจาแบบนี้ กับสาว ๆ เสี่ยวชวนนะเสี่ยวชวน) เสี่ยวเยว่ได้ฟังก็รู้สึกวาบหวามในใจ ทวนคำว่า รับรองจะเป็นความลับของทั้งสอง แต่เสี่ยวชวนไม่ไว้ใจให้นางสาบาน เสี่ยวเยว่ทำตามอย่างว่าง่าย
เสี่ยวเยว่ไปเข้าเฝ้าเทวีชายาลี่เฟย เมื่ออยู่กันสองต่อสองจึงบอกลี่เฟยว่ายานี้ได้มาจากหมอแซ่อี้ เขาบอกว่าเป็นยารักษาโรค ลี่เฟยเหนียงเหนียงได้ยินก็ดีใจ บอกให้เสี่ยวเยว่รอก่อนขอดูว่าใช้ได้หรือไม่ อวี้ซู่เข้าไปในห้องและเปิดคลิปดูอย่างที่เสี่ยวชวนสอนไว้ นางได้รับทราบความในใจของเสี่ยวชวนจากคลิปเหล่านั้น หัวใจรู้สึกแช่มชื่นขึ้นมาก จึงกลับออกมาหาเสี่ยวเยว่ ลี่เฟยบอกเสี่ยวเยว่ว่ายานี้ใช้ดีจริง ๆ แต่ห้ามนำเรื่องนี้ไปบอกใคร อวี้ซู่ให้จัดห้องให้เสี่ยวเยว่อยู่รับใช้ใกล้ชิดข้าง ๆ ห้องบรรทม
เกาเย่าดีใจมากที่น้องสาวได้รับความโปรดปรานจากลี่เฟยเหนียงเหนียง ให้เสี่ยวเยว่เก็บข้าวของ พอดีเหลือบไปเห็นเสื้อผ้าที่เสี่ยวเยว่กำลังตัดเย็บอยู่ เสี่ยวเยว่หน้าเสียเพราะแรก ๆ นางจะตัดเย็บให้กับเหล่าเกอแต่เมื่อเสี่ยวชวนดีกับนางมาก จึงเปลี่ยนใจตัดให้เสี่ยวชวนก่อน เกาเย่าลองเสื้อด้วยความดีใจแต่บอกว่ามันใหญ่ไป เสี่ยวเยว่ได้ทีจึงบอกว่าเอาไว้คราวหลังวัดตัวก่อนจะดีกว่า นางกุลีกุจอวัดตัวให้เกาเย่าเพื่อกลบเกลื่อนอาการ
คืนนี้อวี้ซู่ดูคลิปของเสี่ยวชวนอีกแล้ว ที่ห้องข้าง ๆ เสี่ยวเยว่ก็กำลังคิดถึงอี้กงจื่อ นางเย็บเสื้อเสร็จแล้ว ไม่รู้ว่าจะพอดีตัวเสี่ยวชวนหรือไม่ จึงลองเสื้อแทนเสี่ยวชวนแล้วบอกว่าอุ่นมาก ตอนเช้านางได้รับคำสั่งจากลี่เฟยเหนียงเหนียงให้ไปเอายาใส่กล่องยามาเพิ่มอีก เสี่ยวเยว่ไปหาเสี่ยวชวนที่บ้านทันที
เสี่ยวชวนกำลังอ่านหนังสือที่ร้อยจากไม้ไผ่อยู่ (เสี่ยวชวน อัจฉริยะจริง ๆ อ่านหนังสือโบราณได้ด้วย ความจริงแล้วแม้แต่การพูดคุยกับคนโบราณสองพันกว่าปีคิดว่าน่าจะลำบากอยู่แล้ว นี่อ่านได้ด้วย คราวนี้ไม่ใช้กระดาษแบบหลู่จื้อเสียแล้ว) เมื่อรู้ว่าเสี่ยวเยว่รับคำสั่งมาก็ดีใจ กำลังจะรีบไปอัดคลิปใหม่แต่เสี่ยวเยว่เรียกรั้งไว้บอกว่ามีเสื้อมาให้ลอง เสี่ยวชวนคิดว่าอวี้ซู่เย็บเสื้อให้ก็ดีใจมากและฝากขอบคุณลี่เฟยเหนียงเหนียงผ่านเสี่ยวเยว่
เสี่ยวเยว่จะอ้าปากบอกว่าตัวเองเย็บเสื้อให้เขาต่างหาก แต่ก็โดนเสี่ยวชวนตัดบทเสียก่อน จึงพูดไม่ออก เสี่ยวชวนรีบเข้าห้องไปอัดคลิปใหม่ ปิดประตูใส่หน้าเสี่ยวเยว่ เสี่ยวเยว่พึมพำว่าทำไมไม่ฟังนางเลยว่าความจริงแล้วใครตัดให้กันแน่ เสี่ยวชวนอัดคลิปเสร็จจึงส่งให้เสี่ยวเยว่นำไปให้ลี่เฟยเหนียงเหนียง
ยุคปัจจุบัน
......เสี่ยวชวนลองเสื้อที่เสี่ยวเยว่สวมให้ เสี่ยวเยว่เอียงอายกำลังจะเดินจากไป เสี่ยวชวนรีบจับมือนางไว้ พริบตานั้นเสียงของใครบางคนก็ดังแว้ดขึ้น เกาหลานนั่นเอง เธอด่าว่าเสี่ยวชวนจอมเจ้าชู้แล้วไล่ตี เสี่ยวชวนวิ่งหนีแทบไม่ทัน......
เช้าตรู่ยุคปัจจุบัน...เกาหลานตกจากเตียงเพราะความฝัน เธอเห็นสาวหน้าตาเหมือนเธอเย็บเสื้อให้เสี่ยวชวน พอเธอจับได้ก็ไล่ตีเขา จนตกเตียงตื่นขึ้นมา ไหน ๆ ก็ตื่นเช้าแล้ว เกาหลานจึงอาบน้ำแต่งตัวไปหาต้าชวนที่ศูนย์โบราณคดี เมื่อไปถึง เหมือนเคย ต้าชวนหลับอยู่คาโต๊ะทำงาน เกาหลานเอากล้องมาจับภาพต้าชวนตอนหลับไว้
ไม่ทันระวัง เกาหลานเอามือไปกระทบถูกเมาส์ ทำให้หน้าจอคอมพ์ที่ค้างอยู่เปิดขึ้นมา ต้าชวนเขียนว่าศึกษาวัตถุโบราณและมีรูปเกาหลาน เกาหลานโกรธเลยเอาปากกามาวาดหัวคิตตี้ไว้ที่หน้าต้าชวนแล้วถ่ายรูป ต้าชวนรู้สึกตัวพอดี เกาหลานจึงชวนเขาออกไปทานอาหารเช้าด้วยกัน
ใครต่อใครที่เดินผ่านไปผ่านมาเห็นหน้าต้าชวนมีคิตตี้ก็พากันมอง เกาหลานชอบใจ เมื่อต้าชวนรู้ตัวก็โกรธเกาหลานมาก บอกว่าลบหลู่กันแบบนี้ไม่ได้ จึงขอท้าสู้คาราเต้ ทั้งสองต่อสู้กันเกาหลานอดคิดถึงเสี่ยวชวนไม่ได้ ต้าชวนจินตนาการไปว่าชนะเกาหลาน แต่สุดท้ายก็แพ้อยู่ดี
ในยุคโบราณ
เสี่ยวชวนกับเหมิงเถียนกำลังต่อสู้กันอยู่ เหมิงเถียนชนะได้ทุกครั้ง จึงสอนเสี่ยวชวนว่าหากเมตตาต่อศัตรูก็เหมือนฆ่าตัวเอง ไม่มีวันที่เสี่ยวชวนจะชนะได้ นั่นหมายถึงการฆ่าตัวเอง เสี่ยวชวนไม่สนใจบอกว่าไม่มีเจตนาฆ่าคน เหมิงเถียนบอกว่ามันเป็นหน้าที่ของลูกผู้ชายที่ต้องปกป้องประเทศด้วยชีวิต ด้วยการเป็นทหาร เสี่ยวชวนไม่สนใจบอกว่าเขาไม่เหมือนเหมิงเทียนเป็นคนเย็นชา สำหรับเขาแล้วขอเพียงได้ปกป้องคนที่รักและเป็นห่วงก็พอแล้ว เหมิงเถียนตำหนิว่าจะเอาอะไรปกป้อง แค่ปากน่ะไม่ได้หรอด คำพูดอย่างเดียวช่วยปกป้องใครไม่ได้ เหมิงเถียนชวนให้เขามาเข้าร่วมกับกองทัพตระกูลเหมิง แต่เสี่ยวชวนไม่สนใจ
(ตรงนี้แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างในความคิดของชายสมัยปัจจุบันกับยุคใหม่ชัดเจนมาก เมื่อก่อนหน้าที่ของชายคือปกป้องประเทศ เป็นทหารรบกับศัตรู แต่เดี๋ยวนี้อย่าว่าแต่ประเทศเลย แม้ผู้หญิงที่รักก็มีชายบางประเภทไม่ออกตัวปกป้อง มีแต่ความเห็นแก่ตัวและรักตัวเองก่อน คำว่า “ชาติ” อยู่ร่ำไป
เสี่ยวชวนเป็นชายสมัยใหม่ไม่มีความคิดแบบคนโบราณ เมื่อดูไปแล้วออกจะเห็นแก่ตัวอยู่เหมือนกัน)
เหมิงเถียนชวนเสี่ยวชวนให้ไปดูที่กองกำลังตระกูลเหมิง เสี่ยวชวนมองด้วยความตกตะลึง เขาเห็นธงสัญลักษณ์เสื้อ เป็นเหมือนกับรูปสลักที่ประทับอยู่ที่หน้าอกของเขาไม่มีผิด เสี่ยวชวนขึ้นไปที่เวทีเหมิง ทหารตะโกนคำขวัญปลุกใจ เสี่ยวชวนได้ยินแล้วรู้สึกว่าเลือดในกายมันระอุ จนต้องกำหมัดแน่น
เขามองไปที่หทาร แล้วก็ต้องดีใจมาก เมื่อเห็น “เหล่าฟ่าน” นายทหารที่เขาเคยเจอที่กำแพงเมืองจีน และเคยไปร่วมทุกข์ร่วมสุขกันที่ถูอัน เสี่ยวชวนเข้าไปทักทายและล้อเล่นกับเหล่าฟ่านและถามว่าขาหายเจ็บแล้วหรือยัง เหล่าฟ่านยังอยู่ในระเบียบไม่กล้าแตกแถว
ทั้งสามไปดื่มเหล้าฉลองที่ได้เจอกัน เหล่าฟ่านบอกว่าหลังแยกจากกันแล้วเขาก็เข้ามาที่รัฐฉินและสมัครเป็นทหารของตระกูลเหมิง ที่นี่น่าจะเป็นเวทีให้เขาก้าวไปข้างหน้าได้ เหล่าฟ่านเกลี้ยกล่อมให้เสี่ยวชวนมาเป็นทหารของตระกูลเหมิง เพราะเห็นว่าเสี่ยวชวนฝีมือดี เหมิงเถียนรีบสนับสนุน เสี่ยวชวนบอกว่าวันนี้เห็นกองกำลังของจริงแล้วรู้สึกว่าเท่ห์มาก จะเข้าร่วมก็ได้แต่มีข้อแม้ว่า อย่ามายกตำแหน่งใหญ่ให้เขาเพราะเห็นว่าขาเป็นเหมิงอี้ เสี่ยวชวนขอแสดงฝีมือพิสูจน์ตัวเอง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น